โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

ฟังความสองข้าง เขย่าขาเตียง ศิริพร ฝั่งสามีโต้เป็นชู้ลูกบุญธรรม

ข่าวช่องวัน 31

อัพเดต 17 มิ.ย. 2562 เวลา 13.02 น. • เผยแพร่ 17 มิ.ย. 2562 เวลา 11.56 น. • one31.net
ฟังความสองข้าง เขย่าขาเตียง ศิริพร ฝั่งสามีโต้เป็นชู้ลูกบุญธรรม

ศิริพร เปิดใจเดินจากครอบครัว เพราะสามี-ลูกเลี้ยงสวมเขา ฝ่ายสามีโต้กลับ ย้ำยังรักและเป็นห่วงเหมือนเดิม

 

ช็อกวงการลูกทุ่งเมื่อมีการแฉหมอลำชื่อดัง “นาง-ศิริพร อำไพพงษ์” ที่ออกมาประกาศปิดคลินิกที่ลงทุนไปนับ 10 ล้านบาท หลังจับได้ว่าลูกบุญธรรมที่ตนเองมอบความไว้วางใจให้ดูแลคลินิกนั้น  มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับสามี โก้-ธนชาติ สุมโนมหาอุดม ที่อยู่กินกันมา 19 ปี ขณะที่ฝ่ายลูกบุญธรรม “อรนภา ดวงดี” ที่ถูกกล่าวหาแย่งสามีแม่บุญธรรมก็โพสต์เฟซบุ๊กโบ้ยว่าที่แท้แม่มี  “คนใหม่” เป็นเศรษฐีนีที่เข้ามาติดพัน ทำให้ทิ้งสามีที่เป็นมะเร็งระยะที่ 4 และหลาน ให้ต้องต่อสู้ทุกอย่างตามลำพัง

ศิริพร อำไพพงษ์ เปิดเผยถึงข่าวที่เกิดขึ้นว่า ตนเดินออกมานานแล้วค่ะ ข่าวมาทีหลัง น้องอรมาโพสต์ทีหลัง ไหนว่ารักศิริพรเหมือนแม่ แต่มาด่าแม่ตามหลังได้ยังไงว่าทิ้งลูก ทิ้งหลาน ทิ้งให้เผชิญชะตากรรม อยากให้ไปไตร่ตรองให้ดีก่อน พี่นางไม่เคยจดทะเบียนรับใครเป็นลูก แต่ใครๆ ก็เรียกว่าแม่ได้ทั้งหญิงและชาย เพราะเป็นแม่ของวง พิณแคนแดนอีสาน เรื่องนี้ภาพมันฟ้องเองถูกไหมคะ ถ้าได้เจอกับตัวจะรู้ดีที่สุด ทำไมไม่พูดตั้งแต่วันที่ศิริพรเดินออกมาว่า เดินออกมาด้วยเรื่องอะไร ทำไมคุณไม่พูดให้หมดคะ ทำไมถึงบอกว่า ศิริพร หนีลูกหนีหลาน

พอถามว่าที่ออกจากบ้านมาเป็นเพราะเรื่องชู้สาวใช่ไหม นาง-ศิริพร เปิดเผยว่า ตนแก่แล้ว ทำไมอายุขนาดนี้ 55 ปี ต้องมายุ่งเรื่องพวกนี้ ต้องมีข่าวแบบนี้เหรอ พี่นางอยู่วงการมา 30 กว่าปีไม่เคยมีข่าว แล้วเดินออกมาด้วยเรื่องอะไร คุณอยู่บ้านศิริพรกัน 2 คนนะ ถูกไหม มีหลานยังตัวเล็กๆ อยู่เลย ซื้อบ้านก็เงินตนทั้งหมดพฤติกรรมของคุณมันฟ้องตลอด ตนไม่เคยคิดลบกับใคร คิดแต่ทางบวก เพราะว่าผู้ชายคนนี้ตนเลือกเอง พี่น้องห้ามไม่ฟัง ซื้อรถอยากได้อะไรซื้อให้หมด คุณได้ตรงนี้ยังไม่พออีกเหรอ บ้านก็เป็นชื่อเขาหลังหนึ่ง คุณเป็นคนบอกเองว่าศิริพรเป็นคนซื่อ เป็นคนเชื่อคนง่าย คุณก็เลยหลอกศิริพรง่ายไง จับไปเปรียบเป็นเรื่องของตัวเอง อย่าโยนความผิดให้คนอื่น เอาตัวคุณ 2 คนดีไหม อยากทำอะไรทำเลยเพราะมัน “โง่” ความโง่ของพี่นาง พูดร้อยครั้ง ถ้าเป็นความจริงก็คือร้อยครั้ง เจ็บขนาดนี้ ทำไมไม่พูด ตนแก่ขนาดนี้ ต้องพูดเรื่องอย่างนี้อีกเหรอ นิสัยสัยมันแก้ได้ แต่สันดาน สันดรคนมันแก้ไม่ได้ คุณรู้ดีที่สุด อย่าเปลี่ยนคำพูด บิดเบือนใส่คนอื่น พูดความจริงออกมา ทั้งน้องอรและพี่โก้

เมื่อถามว่าจะอำลาวงการไปอยู่เมืองนอกใช่หรือไม่ ศิริพร กล่าวว่า ตนไปเมืองนอกประจำอยู่แล้ว กะว่าอายุเท่านี้ก็จะปลดเกษียณตัวเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทางบริษัทเมตตาศิริพร เราเป็นนักร้องที่ไม่มีหนี้ติดตัว ไม่ใช่คนกิน คนเที่ยว ขับรถไม่เป็น รถก็เป็นชื่อเขา (สามี) ให้บ้าน ให้รถ ให้เงิน คุณจะทำอะไรกับฉันในบ้าน ฉันก็หลับหูหลับตานะ เพราะฉันเป็นคนเลือกคุณ ความอดทนของคน มีขีดจำกัด คุณไม่ได้ทำร้ายร่างกายฉัน แต่คุณทำร้ายจิตใจฉัน เขาเห็นศิริพรไม่พูดอะไรไง ศิริพรมันไม่รู้เรื่องหรอก มันโง่ไงคะ หนีอะไรก็หนีได้นะ หนีความจริงและกรรมคุณหนีไม่ได้ ใครมาอยู่กับพี่นางขอ อย่านำความเดือดร้อนมาให้  ขอความจริงใจหน่อย แม้แต่ตัวของเขาเอง อย่ามี 1 มี 2 นะ ถ้ารักหนู ถ้าหมดรักหนูแล้วบอกหนูด้วย จะเที่ยวก็ได้นะ แต่อย่ามาทำคนในวง อย่ามามองเด็กในบ้าน เงินพี่นางก็เอาให้ เขารู้ดีที่สุด เขาโพสต์เอง แม่ทิ้งลูกทิ้งหลาน ทิ้งพ่อทิ้งผัวที่เป็นมะเร็ง แล้วเป็นมะเร็งใครรักษา ศิริพรหมดไปเกือบ 3 ล้านนะคะ ไม่ได้เกลียดเขาสองคนนะ แต่เสียงพี่นางยังไม่อยากได้ยินเลย

ด้าน โก้-ธนชาติ สุมโนมหาอุดม สามีของนักร้องชื่อดัง นาง-ศิริพร อำไพพงษ์ เปิดเผยกับทีม One บันเทิง ถึงข่าวที่เกิดขึ้น อย่างหนังคนละม้วนว่า  ข่าวที่ออกไปคนจะคิดอย่างไรนั้นเราก็ห้ามไม่ได้ แต่เรารู้ตัวว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ทำใจสบาย ๆ สวดมนต์ไหว้พระ คนที่เสพข่าวก็ต้องฟังทั้งสองฝ่าย คือเราอยู่ของเราเฉย ๆ เรารู้ตัวเราดี เราไม่ได้ทำอะไรผิด เราก็ไม่ต้องไปเดินหลบใคร เราก็ใช้ชีวิตเราปกติ แต่นี่คนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เราไม่สามารถไปหยั่งรู้ได้ ตนเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ระยะ 4 มันสะสมมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่ว่าเพิ่งมาทราบเมื่อปลายปี 2559 ก็ผ่าตัดแล้วก็ทำคีโมไปทั้งหมด 12 เข็ม ตนนอนติดเตียงมาประมาณ 2 ปี ตอนที่เปิดคลินิกเพิ่งจะลุกเดินได้ ตอนที่เขาสร้างคลินิกยังนอนติดเตียงอยู่เลย

เมื่อสอบถามว่าตอนนี้ นาง-ศิริพร ไม่กลับบ้านเลยใช่ไหม โก้-ธนชาติ เปิดเผยว่า พี่นางไปต่อเติมบ้านที่อุดรธานี เพราะเคยพูดไว้ว่าถ้าอายุมาก ๆ ก็อยากไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด แต่ตนยังมีหลานเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ ไปอยู่ที่อุดรฯเลยไม่ได้ คุณแม่ของตนก็ป่วย และตนเองก็ป่วยหลายโรคต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์อย่างเดียว ส่วนพี่นางก็ไป ๆ มา ๆ พอมีงานคอนเสิร์ตแกก็บินมา พอทางวัดมีงานบุญพี่นางก็บินกลับไปอุดรฯ พอนาน ๆ เข้าพี่นางก็ต้องไปคุมช่างทำบ้าน ก็เลยห่าง ๆ แต่ไปมาหาสู่กัน แต่ทีนี้เรื่องมาเกิดเมื่อ 8 เดือนที่แล้ว คือมีคนสายบุญเป็นเศรษฐี แกมาทำบุญ ชื่อพี่เล็ก เป็นผู้หญิง แกมาช่วยพี่นางสร้างวัด  คือเจตนารมย์ของพี่นางอยากจะสร้างวัดให้เสร็จ แต่พวกนี้มันต้องใช้ปัจจัย พอพี่เล็กมาเขาบอกว่าจะช่วยกัน ก็มาที่วัดทำบุญปกติ  ตนก็อยู่ที่กรุงเทพฯ ใหม่ ๆ พี่เล็กมาเขาก็กลับบ้านเขา พอหลัง ๆ พี่เล็กไม่กลับบ้านแล้ว พี่เล็กมาอยู่กับพี่นางที่อุดรเลย ตนก็ไม่ได้คิดอะไร ก็คิดว่าเขาเป็นคนสายบุญ คุยกันถูกคอ แต่หลัง ๆ พี่นางเริ่มมีอาการแปลก ๆ เราอยู่กันมา 19 ปี เราต้องรู้ว่าแฟนเราเปลี่ยนไป ตัวพี่เล็กเขาไม่ชอบตนกับน้องอร ก็ไม่รู้ว่าเคยไปทำอะไรให้ขุ่นข้องหมองใจ

“เรื่องสมบัติทั้งหมดนั้น ต้องบอกว่า ตนอยู่กับพี่นางมา 19 ปี ก็ร่วมสร้างกันมา ตนอาจจะไม่มีเงินมากเท่าพี่นาง เพราะพี่นางเป็นนักร้อง แต่ว่าการทำงานนั้นเป็นไปไม่ได้ที่นักร้องจะรับงานคนเดียว ตนเป็นคนรับงาน น้องอรก็ร้องเพลงในวง คอยดูแลเสื้อผ้าหน้าผม เรียกว่าดูแลตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็ทำงานกันแบบนี้ พ่อแม่ลูก น้องอรอยู่กับครอบครัวเรามา 10 ปี คือเขาเข้ามาสมัครกับพี่นาง ขอเข้ามาอยู่ในวง พี่นางก็รับเข้ามา ที่บ้านก็มีคนอยู่กันเยอะ ทั้งแดนซ์เซอร์นักร้อง ใครแต่งงานมีครอบครัวก็ออกไป ก็เหลือแต่น้องอรนี่แหละ ไม่ไปไหน ก็เลี้ยงเหมือนลูกเหมือนหลาน” โก้-ธนชาติ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นาง-ศิริพร โต้กลับว่าไม่เคยรับใครเป็นลูกบุญธรรม เกี่ยวกับเรื่องนี้ สามีนักร้องดัง กล่าวว่า คือทุกคนในวงก็จะเรียก พี่โก้ ว่าพ่อ เรียกพี่นางว่าแม่ เขานับถือเราเหมือนพ่อแม่ น้องอรเข้ามา ก็เรียกแบบนี้ แต่พอคนอื่นเขาออกไปหมด น้องอรก็ยังอยู่ เขาก็ทำงานทำความสะอาดบ้าน ดูแลความเรียบร้อย เวลาไปไหนพี่นางก็จะเอาไปด้วย เขาจะสนิทกันมาก พี่นางเป็นคนให้โอกาสคน ไม่ใช่เฉพาะน้องอร ใครอยากเรียนอะไรแกก็ส่งเรียนหมด แกจะสอนเสมอว่า เรื่องเงินทองไม่เท่าไหร่ สิ่งที่จะสอนได้คือวิชาความรู้ แม่เรียนน้อย เพราะฉะนั้นใครอยากเรียนจะส่งให้เรียน แกอยากเห็นคนมีอนาคต ส่วนข่าวที่ออกมาว่าพี่นางยกรถยกบ้านให้ โก้-ธนชาติ ชี้แจงว่า ทรัพย์ทั้งหมดก็เป็นเหมือนเราร่วมสร้างกัน เราเป็นครอบครัว เรื่องซื้อรถ อาชีพพวกเราก็จะเปลี่ยนรถทุก 2- 3 ปี รถจะต้องสภาพดี ส่วนใหญ่ตนก็จะขับเอง สมัยก่อนซื้อรถเป็นชื่อพี่นาง พอไปเกิดอุบัติเหตุก็ต้องไปตามเจ้าของรถมา หลัง ๆ พี่นางเลยบอกว่า ตนเป็นคนขับก็ให้ซื้อเป็นชื่อตนไปเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาคอยเรียกพี่นาง อย่างบ้านที่อยู่ก็เป็น 2 หลังในรั้วเดียวกัน หลังหนึ่งเป็นชื่อพี่นาง อีกหลังเป็นชื่อตน ตนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่เราเป็นครอบครัวร่วมสร้างกันมาเป็นเงินกระเป๋าเดียวกันหมด เราอยู่กันมา 19 ปี ก็ต้องซื้ออะไรได้เยอะพอสมควร ตอนที่ตนป่วยพี่นางกับน้องอรกอดคอกันร้องไห้เลย เขาสองคนก็เลยปรึกษากันว่าต่อไปจะทำยังไง ถ้าพ่อตายจะร้องเพลงกันยังไง ถึงแม่จะร้องเพลง แต่ต้องมีคนบริหารจัดการ เลยมาคุยกันว่ามาทำคลินิกความงามกันไหม ตอนที่เขาสร้างคลินิกกันตนยังนอนติดเตียงอยู่เลย ยังคิดอยู่ตอนนั้นว่าสองแม่ลูกทำอะไรกัน ตอนเปิดคลินิกพอลุกเดินได้บ้างแต่ไม่กระฉับกระเฉง

ส่วนเรื่องที่มองว่าสนิทสนมกันเกินพ่อลูกนั้น ต้องบอกว่า น้องอรอยู่มา 10 ปี ทุกอย่างอยู่ในสายตาพี่นาง เราสนิทกันตบหัวเล่นกันได้เลย มีความสุขกันพ่อแม่ลูกตลอด ที่เขาสัมภาษณ์มาว่าตนไปมีอะไรกับน้องอรนั้น เพราะระแคะระคายเรื่องนี้มา 8 เดือนแล้ว แต่ตนนอนติดเตียงมา 2 ปี เพิ่งมาลุกเดินได้ตอนเปิดคลินิก ตนเป็นคนป่วย แล้วคนอายุ 57 ที่ผ่าตัดลำไส้ คีโม 12 เข็ม สมรรถภาพจะเหลือไหม มันก็มีทั้งเหตุและผล ตนถึงไม่ออกไปโต้แย้งอะไร เพราะรู้สภาพตัวเองดี พี่นางและน้องอรก็รรู้สภาพของตน ข่าวนี้ไม่ได้ออกมาจากปากพี่นางและปากตน แต่ออกจากคน ๆ หนึ่งที่กระจายข่าวไปแล้วลาม สังคมเขาก็ตัดสิน คนที่เขาศรัทธาพี่นาง เพราะพี่นางเป็นศิลปิน เขาก็จะมารุมด่าว่าตนเลว ยายคนนี้ชั่ว

เมื่อถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นน้องอรว่าอย่างไรบ้าง ก็ได้รับคำตอบว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นน้องอรเขาเด็ก เขาก็รับไม่ได้เรื่องแบบนี้ เพราะเขาเป็นผู้หญิง เขาก็ซึมเศร้า แต่เราแก่แล้ว เราผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ชีวิตเฉียดความตายมาแล้ว ตนไม่ได้อยากได้อะไรแล้ว ตนก็เลยเฉย ๆ กับเรื่องนี้ไม่ตื่นเต้นแล้ว เรารู้อยู่แก่ใจว่าอะไรคืออะไร แต่น้องอรเขาเด็ก เขาก็จะรู้สึกว่าทำไมหนูต้องมาโดนแบบนี้ เราก็บอกว่าไม่ต้องไปสนใจ เวลาเท่านั้นจะพิสูจน์”

 

พอถามถึงว่าหลังจากเกิดเรื่องได้ติดต่อพี่นางบ้างไหม สามีนักร้องแหบเสน่ห์ ให้คำตอบว่า ตนเคยโทรหาพี่นาง แต่พี่นางไม่รับสาย ช่วง 8 เดือนนี้ พี่นางก็โทรหาน้องอรตลอด แต่ไม่โทรหาพี่  ตนโทรหาแต่เขาไม่รับ ตนก็ไม่ตื้อ ไม่อยากจ้ำจี้จำไช  ช่วงที่เขาไม่กลับบ้าน เขาไปอยู่บ้านพี่เล็ก บ้านที่กรุงเทพฯ ตอนนี้พี่นางไม่กลับมาเลย ตอนนี้บ้านนี้ก็อยู่กับหลาน 2 คน ซึ่งเป็นลูกของลูกชายตนที่เสียชีวิตไปแล้ว พี่นางเขาก็รักลูกชายกับลูกสะใภ้ตน แล้วก็มีน้องอร หลานก็จะเรียกน้องอรว่า แม่อร เพราะเลี้ยงกันมาตั้งแต่เล็ก พอลูกชายเสียไป ลูกสะใภ้ก็ไปสมรสใหม่ เด็กก็เลยอยู่ในความดูแลของปู่กับย่า คือตนกับพี่นาง

โก้-ธนชาติ กล่าวถึงความรู้สึกในตอนนี้ว่า “เสียใจมาก เพราะว่าชีวิตตนอายุ 57 แล้ว ตอนที่ป่วยก็เจียนอยู่เจียนไปมาก ชีวิตที่เหลือเรากะว่าเราจะแก่ตายไปกับเมียคนนี้เลย เราอยู่กัน 19 ปี คือไม่ต้องพูดอะไรเยอะ มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว เราป่วยเขาดูแลเราขนาดนี้เราซึ้งใจมาก ตอนไม่ป่วยเขาก็ดูแลเราดี เราดูแลเขา เขาดูแลเรา ครอบครัวเรามีความสุข มีระหองระแหงกันบ้างเหมือนลิ้นกับฟัน แต่เดี๋ยวก็ดีกัน แต่ตอนนี้หนักหนาสาหัสมาก 8 เดือนที่ผ่านมา ตนไม่โทษใคร ไม่อยากพาดพิงถึงใคร แต่ตนรู้ว่าบ้านเราร้อนเป็นไฟ มันคืออะไรอยู่ด้วยกันมา 10 ปี พี่นางไม่เคยว่าอะไรน้องอรเลย แต่ 8 เดือนนี้คุณเปลี่ยนไป มีคนเข้ามา ทำไมเรื่องราวในบ้านเราเป็นไปในทิศทางที่ไม่ค่อยดีเลย ตอนนี้เป็นห่วงพี่นางมาก เพราะเขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี ซื่อ เป็นห่วงตรงนี้มากกว่า ส่วนเรื่องจะกลับมาอยู่ด้วยกันไหม มันเลยตรงนั้นมาแล้ว เราไม่ได้มาหวานแหววอะไรเลย แต่สิ่งหนึ่งคือเป็นห่วงพี่นางมาก ๆ กลัวพี่นางจะเพลี้ยงพล้ำ

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าตอนนี้ความรักที่มีให้พี่นางยังมีอยู่เหมือนเดิมไหม สามีนักร้องดัง เปิดเผยว่า ใจพี่นางตนไม่รู้ แต่สำหรับตนเหมือนเดิม ตนเป็นห่วงพี่นางมาก มันมากกว่าความรัก ข่าวที่ออกมาเรารู้ว่าความเป็นจริงคืออะไร ตายไปเอาไปได้แค่บุญ ไม่ได้ยึดติดกับเรื่องสมบัติ เรื่องที่บอกว่าจะเอาสมบัติไม่อยู่ในหัวเลย เอาสุขภาพดีดีกว่า เรื่องข่าวมองว่าไร้สาระ บั่นทอนสมอง ข่าวทั้งหลายปล่อยออกมาเพื่อทำลาย

ข่าวออกมาก็ซัดตนกับน้องอรก่อนเลยว่ามีอะไรกัน ถามหน่อยว่ามีหลักฐานไหม นี่คือลมปากของคน คุณใช้เงินจ้างใครต่อใครให้เราเละเลย ถ้ามีหลักฐานจะไม่ว่า การที่มีรูปไปโอบไหล่น้องอรนั้น ถ่ายที่วัดตอนทำพิธี คนอยู่กันเป็นร้อยเป็นพัน ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดเลย พ่อโอบไหล่ลูก อย่างรูปบนเครื่องบินก็ถ่ายกันตอนไปทำบุญ ตอนนั้นที่ลงรูปก็มีคนมาสาธุ ที่เราไปทำบุญ แต่พอมาวันนี้รูปพวกนั้นกลับมา กลายเป็นว่า ลูกเลี้ยงนั่งติดกับพ่อเลี้ยง ส่วนพ่อเลี้ยงไม่นั่งติดกับเมีย ที่นั่งในเครื่องบินมี 3 ที่ พี่นางจะนั่งติดหน้าต่าง ส่วนตนชอบนั่งทางเดิน เพราะเข้าห้องน้ำบ่อย คนที่นั่งตรงกลางก็คือ น้องอร ที่นั่งติดกับแม่ แต่คนมันจะทำลาย ขาวก็พูดให้เป็นดำได้ นี่คือความจริงทั้งหมด ตนไม่มีความจำเป็นจะต้องแต่งเรื่อง" โก้-ธนชาติ กล่าวปิดท้าย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0