โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

พิษเศรษฐกิจ! สาวฉันทนา 200 ชีวิตหลั่งน้ำตาถูกนายจ้างลอยแพโดยไม่ได้ตั้งตัว

TNN ช่อง16

อัพเดต 09 พ.ย. 2562 เวลา 13.18 น. • เผยแพร่ 09 พ.ย. 2562 เวลา 13.18 น. • TNN Thailand
พิษเศรษฐกิจ! สาวฉันทนา 200 ชีวิตหลั่งน้ำตาถูกนายจ้างลอยแพโดยไม่ได้ตั้งตัว
สาวฉันทนาต้องหลั่งน้ำตาเมื่อถูกนายจ้างออกมาบอกว่าเลิกจ้างลอยแพกว่า 200 ชีวิตอย่างไม่ทันตั้งตัวข้าวสารจะกรอกหม้อยังไม่มี

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2562 จากมีผู้โพสต์เฟสของ "Urassay Nirasawong" ว่าโรงงานปิดอีกแห่ง ลอยแพพนักงานกว่า 230 คน บริษัท นิตพอยน์ จำกัด เลขที่ 96 หมู่ 3 ต.ถนนขาด อ.เมือง จ.นครปฐม เป็นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออก ประกาศปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงานกว่า 230 คน  โดยให้เหตุผลว่า…เจอปัญหาเศรษฐกิจ ผลประกอบการของบริษัทประสบภาวะขาดทุน สะสมมาเป็นเวลานาน ทำให้ต้องปิดกิจการ และบริษัทจะทำการขายเครื่องจักร  #ที่ไม่ติดจำนองธนาคาร เพื่อจ่ายเป็นค่าแรงให้กับพนักงานทุกคนเท่าๆกัน มีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป

ทราบว่า…บริษัทไม่ได้จ่ายค่าจ้างพนักงานรวม 2 เดือน จำนวนเงินกว่า 4 ล้าน 4 แสนบาท ทำให้พนักงานได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จึงรวมตัวกันไปที่ศาลากลางจังหวัดนครปฐม เพื่อร้องขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานราชการ 

วันนี้ทางผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ หน้าโรงงานนิพอยน์ จำกัด เลขที่ 96 ม.3 ต.ถนนขาด อ.เมืองนครปฐม  จ.นครปฐม โรงงานได้ปิดเงียบ เนื่องจากว่าวันนี้เป็นวันแรกที่ทางโรงงานได้ปิดตัวลงประกาศเมื่อวันที่ 9 พ.ย.62 พร้อมเอกสารแนบ เนื้อความว่า เรียนพนักงานทุกท่าน ทางบริษัทมีความเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแจ้งให้ท่านทราบว่า บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องปิดกิจการและเลิกจ้างพนักงานทุกคนเหตุผลของการเลิกจ้าง ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทที่ประสบภาวะขาดทุนสะสมมาเป็นเวลานาน ในส่วนของค่าแรงที่ค้างจ่ายกับพนักงานทุกท่านทางบริษัทจะทำการขายเครื่องจักรที่ไม่ติดจำนองธนาคารกรุงเทพทั้งหมดและจ่ายค่าแรงให้กับพนักงานทุกท่านในจำนวนเท่าๆกันโดยจะดำเนินการขายให้เร็วที่สุดโดยได้มอบอำนาจให้ หัวหน้าฝ่ายบัญชีตัวแทนบริษัท ฝ่ายจัดซื้อ ประธานสหภาพ เป็นตัวแทนของบริษัทและพนักงานเป็นผู้ดูแลในการขายและจ่ายเงินให้พนักงานทุกคนโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป ลงชื่อนายพงศกร จวงไพศาลสกุล (เจ้าของบริษัท)

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 8 พ.ย.62 ก่อนทางพนักงานที่มีผลกระทบได้มีการออกมารวมตัวกันทั้งพนักงานที่เป็นคนไทยและพนักงานที่เป็นพม่า กว่า 230 คน เพื่อออกมาเรียกร้องเรื่องค่าแรงที่ค้างจ่ายตั้งแต่เดือนกันยายน-จนถึงปัจจุบัน จำนวนเงินกว่า 4 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ทางบริษัทไม่เคยแจ้งล่วงหน้าเลยว่าจะปิดตัวลง และออเดอร์ชุดสุดท้ายที่ทางบริษัทต้องส่งออกต่างประเทศนั้นทางบริษัทจะบอกแค่ว่าถ้าออร์เดอร์ชุดนี้ออกไปก็จะได้เงิน นี่เป็นคำพูดที่ให้ความหวังกับพวกพนักงาน ส่วนพวกพนักงานก็รีบเร่งทำงานให้เสร็จตามออร์เดอร์จนส่งออกได้ทัน หลังจากนั้นทางบริษัทก็มาลอยแพพนักงานโดยไม่มีจุดหมายว่าจะทำอย่างต่อไป เพราะทุกคนต้องมีรายจ่าย บางคนก็ไปหาหยิบยืมญาติพี่น้อง หรือไปกู้หนี้มาจ่ายค่าห้อง ค่ากินไปทุกวัน โดยไม่รู้ว่าทางบริษัทจะจ่ายเงินที่ค้างให้เมื่อไร ส่วนพนักงานพม่าที่มีบัตรสีชมพูอยู่ในประเทศไทยได้แค่15 วัน หลังจากนั้นก็จะก็จะโดนส่งกลับประเทศ พนักงานพม่าบางคนก็ไปหางานทำที่อื่นก็ต้องให้รอหลังปีใหม่

นางสาวพัชรี เอมโอด อายุ38 ปี เลขที่ 154 ม.7 ต.หนองพันธ์จันทร์ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี บอกว่าตนเองและแฟนมาห้องเช่าอยู่ใกล้บริษัท ส่วนแฟนทำงานที่บริษัทอื่นส่วนตัวเองทำงานที่บริษัทนี้ประมาณ 17 ปี ได้ค่าแรงวันล่ะ325 บาท และเสียค่าประก้นสังคมตามปกติเมื่อก่อนรับเงินโดยทางผ่านบัญชี และช่วงหลังๆมาจะได้รับเป็นเงินสด และช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาเงินทางบริษัทก็เริ่มไม่จ่ายและอ้างว่าออร์เดอร์ออกถึงจะได้เงินตนก็รอจนถึงทางบริษัทปิดตัวลงวันนี้ก็ไม่ได้เงินเลย ครอบครัวเดือดร้อนมากจนไม่รู้จะทำอย่างไร อยากให้เจ้าของบริษัทออกมาดูบ้าง

นางสาวนิตยา โฮกอ่อน อายุ38 ปี เล่าให้ฟังว่า ตนเองทำงานบริษัทนี้มา 18 ปีแล้ว บริษัทนี้ก็ไม่เคยมีโบนัส ได้แค่ค่าแรงรายวันละ 325 บาท ส่วนเรื่องปิดกิจการทางบริษัทก็ไม่เคยมีการแจ้งล่วงหน้าเลยว่า จะมีการปิดตัวลง ก่อนหน้าที่จะปิดตัวลง ทางบริษัทได้มีออเดอร์ที่จะต้องรีบส่งออก ทางบริษัทก็บอกมาอย่างเดียวว่า ให้พวกเรารีบเร่งทำงานเพื่อที่จะเอาออร์เดอร์ชุดนี้ส่งออก และพนักงานก็จะได้เงินก้อนนี้มาแบ่งกัน แต่พอออเดอร์ได้ส่งออกไปแล้ว ทางพนักงานก็ยังไม่ได้เงินเลย ทั้งที่ทางบริษัทยังมีการค้างจ่ายเงินค่าแรงตั้งแต่เดือนกันยายนถึงปัจจุบัน ทางตนเองก็มีภาระ และพนักงานทุกคนก็มีภาระ และทุกคนต้องใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่าห้องค่ากิน และบางคนมีลูกเล็กบางคนยังท้องอยู่ก็มี ส่วนพนักงานพม่าที่ถือบัตรสีชมพูจะอยู่ในประเทศไทยได้ 15 วัน เท่านั้น บางคยก็ไปหางานทำก็ไม่ได้เพราะส่วนใหญ่บริษัทจะรับเข้าทำงานหลังปีใหม่  และอยากจะฝากบอกเจ้าของบริษัทว่าให้ออกมาสนใจและมารับผิดชอบพนักงานที่คุณปล่อยลอยแพบ้าง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0