โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

พาไป ‘Sky Pizza’ ในเกาหลีใต้ ร้านที่ครอบครัวคิมในภาพยนตร์ Parasite รับจ้างพับกล่องพิซซ่า

The MATTER

อัพเดต 22 ก.พ. 2563 เวลา 14.34 น. • เผยแพร่ 22 ก.พ. 2563 เวลา 08.57 น. • Entertainment

กลายเป็นภาพยนตร์ของเกาหลีใต้ที่โด่งดัง และกวาดรางวัลระดับโลกไปมากมาย กับ Parasite หรือชนชั้นปรสิต ภาพยนตร์ที่พูดถึงความเหลื่อมล้ำในสังคม ช่องว่างระหว่างคนรวย และคนจน ที่แม้ว่าจะเป็นภาพสะท้อนของเกาหลีใต้ แต่หลายประเทศ และในตะวันออกเอง ก็อินไปกับประเด็นเหล่านี้

ซึ่งไม่ใช่แค่ประเด็นของหนัง แต่องค์ประกอบ และสถานที่ต่างๆ ของหนังเอง ก็ถูกนำมาพูดถึง และตีความกันอยากมากมาย บทพูดของตัวละคร การออกแบบบ้านของครอบครัวคิม และครอบครัวปาร์ก เมนูอาหารในเรื่องอย่าง จาปากูรี และวันนี้ The MATTER จะพาไปร้าน ‘Sky Pizza’ หนึ่งในสถานที่ที่ปรากฏอยู่ในเรื่องนี้กัน

CJ Entertainment

Sky Pizza คือร้านพิซซ่าที่ครอบครัวคิมไปรับจ้างพับกล่องพิซซ่า ตัวร้านอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ นอรยางจิน (Noryangjin) เดินจากทางออกที่ 6 ของสถานีประมาณ 10 นาที ซึ่งระหว่างทางก็เป็นซอย และบ้านของผู้คน ไม่ใช่พื้นที่ที่มีสถานที่ท่องเที่ยว หรือจุดเด่นมากนัก ถ้าไม่ได้ตั้งใจมา คงไม่มีทางเดินหาร้านนี้เจอเองได้ (แต่ร้านก็ไม่ได้เดินหายากนะ)

พิกัดร้านคือ : 86, Noryangjin-ro 6-gil, Dongjak-gu, Seoul

เมื่อมาถึงหน้าร้านก็มีป้ายไวนิลที่แขวนภาพ บง จุนโฮ ผู้กำกับ Parasite คู่กับคุณป้าเจ้าของร้าน พร้อมป้ายที่โชว์ภาพว่าร้านนี้อยู่ในหนังเรื่องนี้ด้วย โดยร้านนี้เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 10 โมง ถึง 4 ทุ่ม ซึ่งในตอนแรกที่วางแผนจะมา เราก็กลัวว่าจะมีคนเยอะมากๆ จนอาจจะไม่ได้กิน แต่ปรากฏว่า ในวันที่เราไปเป็นวันธรรมดา ทำให้มีลูกค้าเพียง 1 โต๊ะ กับคนที่มาสั่งกลับบ้านเล็กน้อย

ร้านพิซซ่าแห่งนี้ เป็นร้านเล็กๆ ที่มีครัวอยู่ในตัว และมีโต๊ะนั่งเพียง 3-4 โต๊ะ ซึ่งถ้ามาช่วงคนเยอะๆ ก็แน่นอนว่า อาจจะต้องรอคิว หรือเปลี่ยนแผนเป็นสั่งกลับบ้านแทน หน้าร้านมีรูปคู่บงแล้ว ในร้านเองก็ยังคงมีภาพโชว์รูปคู่ของคุณป้าเจ้าของ กับบงอีก ที่ใส่กรอบแขวนไว้ติดผนัง รวมถึงกรอบรูปโปสเตอร์ Parasite พร้อมลายเซ็นนักแสดงวางอยู่หน้าเคาท์เตอร์พิซซ่า พร้อมกล่องพิซซ่าที่เป็นไอคอนในเรื่องนี้ตั้งอยู่หลายแถว

การมาเยือนของชาวต่างชาติของพวกเรา ทำให้เจ้าของร้านตื่นเต้นเล็กน้อย พร้อมพยายามเข้ามาทักทาย และคุยว่า มาจากประเทศไหน ก่อนจะยื่นเมนูให้สั่งอาหาร ซึ่งเมนูของร้าน แม้จะเน้นที่พิซซ่า แต่ก็มีเซ็ทไก่ทอด และเบียร์ควบคู่มาด้วย ซึ่งเมนูเป็นภาษาเกาหลีหมด!

แต่ลูกชายเจ้าของร้านที่พอจะพูดภาษาอังกฤษได้ ก็มาชี้ๆ ที่เมนู พร้อมแนะนำว่า อันไหนบ้างที่อร่อย และแนะนำ ซึ่งเราก็ได้สั่งเมนู Hot bulgogi pizza (핫불고기피자) ในขนาด regular หรือ 6 ชิ้น ซึ่งราคาเพียง 10,900 วอนเท่านั้น (ประมาณ 280 บาท)

เมื่อพิซซ่ามาเสิร์ฟ ขณะที่เรากำลังพยายามตัดๆ หั่นๆ คุณป้าเจ้าของร้านก็ทำให้เราประทับใจในการบริการมากๆ เพราะคุณป้าเข้ามาช่วยตัดใส่จานถึงที่ ยื่นจากให้พร้อมทาน ซึ่งเมื่อทานแล้ว รีวิวได้ว่า แป้งพิซซ่าค่อนข้างหนา มีความเป็นขนมปังสูง รสชาติไม่เหมือนแบรนด์พิซซ่าทั่วไปที่เคยกินมาก่อน มีความโลคัล และไส้บนหน้าพิซซ่าไม่ค่อยติดกัน ทั้งไม่มีซอสมะเขือเทศหรือซอสพริกแบบที่เรากินกันทั่วไป แต่มีซองซอส Garlic Dipping มาให้แทน โดยรวมแล้วให้คะแนนพิซซ่า 7/10 ในเรื่องความอร่อย

ระหว่างกินพิซซ่า เราได้เดินไปขอถ่ายรูปกับคุณป้าเจ้าของร้าน ซึ่งคุณป้าก็บอกว่า ขอกลับบ้านไปสระผมก่อน จะกลับมาถ่ายด้วย ในตอนนั้นก็คิดว่าคงไม่ได้ถ่ายแล้ว เพราะพวกเราคงกินเสร็จก่อนป้ากลับมาทัน แต่หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที คุณป้าก็กลับมาใหม่พร้อมผมที่เซ็ทอย่างดี และบอกกับเราว่า พร้อมแล้ว และเรียกพวกเรามาถ่ายรูปกัน ซึ่งนอกจากพวกเราแล้ว ที่ผ่านมาคุณป้าเองก็ต้องถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาแวะเวียนร้าน

ลูกชายของเจ้าของร้าน เล่าให้เราฟังว่า ร้านเปิดมาตั้งแต่ปี 2004 หรือ 17 ปีแล้ว มีบริการเดลิเวอรี่ด้วย แต่หลังจากที่หนังฉาย ก็มีคนมาที่ร้านเยอะขึ้นมากๆ โดยเฉพาะชาวต่างชาติ และนักข่าว ซึ่งร้านนี้ก็ได้ลงข่าวต่างประเทศเยอะมากขึ้นด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น พ่อครัวผู้ทำพิซซ่า (ซึ่งเราคาดว่าเป็นสามีของคุณป้า) ก็เอาสมุด Guest book มาให้เราเซ็น โดยได้เริ่มทำสมุดเหล่านี้ในปีนี้ หลังมีนักท่องเที่ยวมามากขึ้น ซึ่งแม้จะผ่านปีนี้มาแค่เพียง 1 เดือนครึ่ง แต่สมุด Guide book ก็เต็มจนต้องขึ้นเล่มที่ 3 แล้ว

ภายในสมุดมีทั้งภาษาเกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ สเปน และการมาเยือนของสำนักข่าวต่างประเทศมากมาย ไม่ว่าจะ ABC News ของสหรัฐฯ AP หรือ AFP ตัวแทนของสื่อจากเมืองไทยอย่าง The MATTER จึงขอเขียนจารึกว่า เรามาเยือนที่นี่เหมือนกัน

หลังกินเสร็จแล้ว เจ้าของร้านยังคงบริการดี ยื่นส้มมาเสิร์ฟให้เรากินเล่นต่อ ก่อนจะให้ถ่ายรูปเล่นในร้านได้ ซึ่งสำหรับพิซซ่าในมื้อนี้ รวมโค้กแล้ว เราเสียเงินไปทั้งหมด 14,000 วอน คือประมาณ 370 บาท ต่อ 2 คน ซึ่งถือว่าราคาไม่แพง

แต่สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือ ความเป็นกันเองของเจ้าของร้าน และการบริการ ที่ดูแลเราดีตั้งแต่เข้าร้าน ยันออกจากร้าน แม้ว่าจะพูดคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตาม

photo by. Asadawut Boonlitsak

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0