เมื่อวันที่26 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และ รัฐบุรุษ ได้ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบที่โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ หลังจากมีอาการป่วยระบบหัวใจล้มเหลวและเจ้าหน้าที่ได้นำส่งโรงพยาบาล สิริอายุได้ 98 ย่าง 99 ปี
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เกิดเมื่อวันที่26 สิงหาคม2463 ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ก่อนเข้าเรียนในโรงเรียนเทคนิคทหารบก รุ่นที่5 (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า) ภายหลังที่จบการศึกษาในปี2484 ได้เข้าร่วมรบในสงครามอินโดจีน และสงครามโลกครั้งที่2 ระหว่างปี2485-2488
เคยเข้าร่วมการรัฐประหาร2 ครั้ง คือ คณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ในวันที่6 ตุลาคม2519 และคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร ในวันที่20 ตุลาคม2520 ก่อนที่จะได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยแรกในวันที่3 มีนาคม2523 สมัยที่สองในวันที่30 เมษายน2526 และสมัยที่สามในวันที่5 สิงหาคม2529 และสิ้นสุดลงในวันที่3 สิงหาคม2531 โดยจากนั้นจัดให้มีการเลือกตั้งต่อมา
ภายหลังที่ พล.อ.เปรม พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (3 สิงหาคม2531) ก็ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี และต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นประธานองคมนตรี เมื่อวันที่4 ก.ย. 2541 และดำรงตำแหน่งต่อมาจนถึงแก่อสัญญกรรม
ในสมัยที่ พล.อ.เปรม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนับว่าได้ทำคุณประโยชน์อย่างมากต่อประเทศชาติ โดยมีนโยบายที่สำคัญ อาทิ การเมืองนำการทหาร ซึ่งเกิดขึ้นในปลายสมัยสงครามเย็น โดยได้ผ่อนปรนท่าทีอันแข็งกร้าวต่อพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ก่อนออกคำสั่งนายกรัฐมนตรีฉบับที่66/2523 นิรโทษกรรมแก่นิสิต นักศึกษา ซึ่งเดินทางเข้าป่าในช่วงเหตุการณ์6 ตุลา ให้หวนกลับมาเรียนต่อ ซึ่งหลายคนก็ได้กลายมาเป็นนักวิชาการและครูบาอาจารย์ที่สำคัญต่อมา
คำนำหน้า‘ป๋า’ ได้รับมาในสมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้า จ.สระบุรี ซึ่งมีที่มาจากธรรมเนียมการดูแลลูกของน้องของ พล.อ.เปรม ที่มักจะมีเมตตาต่อผู้ใต้บังคับบัญชา รวมถึงเรียกและปฎิบัติต่อพวกเขาราวกับเป็น‘ลูก’
อ้างอิง