อุณหภูมิในเขตไซบีเรียพุ่งสูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยถึง10องศาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาซึ่งถือเป็นพฤษภาที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา
หน่วยงานด้านสภาพอากาศของสหภาพยุโรประบุว่าเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาอุณหภูมิในเขตไซบีเรียพุ่งสูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยถึง10องศาเซลเซียสและอุณหภูมิทั้งในอลาสกา ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกาและแอนตาร์กติกาเพิ่มสูงว่าอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงเดียวกันนับตั้งแต่ปี2524-2553 อยู่0.68 องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลก12เดือนก่อนเดือนพฤษภาคมสูงขึ้นเกือบ1.3องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับช่วงก่อนอุตสาหกรรม
ภายใต้ข้อตกลงปารีส2015 เกือบ200ประเทศได้ให้คำมั่นที่จะรักษาอุณหภูมิไม่ให้เพิ่มต่ำกว่า2องศาเซลเซียสหรือถ้าเป็นไปได้ให้ต่ำกว่า1.5องศาเซลเซียส
หน่วยงานด้านสภาพอากาศของยุโรปสามารถวัดอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติในแถบไซบีเรียในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม และทำให้ธารน้ำแข็งแตกก่อนกำหนด ไซบีเรียตั้งอยู่แถบอาร์คติกหรือขั้วโลกเหนือ อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในแถบนี้ช่วยเร่งการละลายของแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ที่หนาหลายกิโลเมตรทำให้เสียมวลน้ำแข็ง6แสนล้านตันคิดเป็นร้อยละ40ของระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ ชั้นดินเยือกแข็งคงตัวในป่าของรัสเซียและแคนาดากำลังละลายจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นและอาจทำให้ปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมหาศาลออกมาโดยป่าแถบนี้มีคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ถึง1ล้าน5แสนล้านตันหรือ40เท่าของคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยสู่อากาศในแต่ละปี