ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบพกหรือถือโทรศัพท์มือถือตอนวิ่งจ็อกกิ้ง โปรดสต๊อปด่วน เพราะอาจเสี่ยงต่ออาการกล้ามเนื้อบาดเจ็บสาหัสได้!
ย้อนไปสมัยก่อนที่เราจะมีโทรศัพท์มือถือนั้น เคยมีคนกล่าวไว้ว่า ถ้าก่อนออกจากบ้านแล้วลืมกระเป๋าสตางค์หรือปากกา จะเป็นความเฟลที่ทำให้เรามาคุไปทั้งวัน แต่ในยุคนี้ การออกจากบ้านแล้วลืมโทรศัพท์มือถือคือเรื่องใหญ่เวอร์ เพราะมือถือมีความจำเป็นกับทุกกิจกรรมชีวิตของคนยุคนี้สุดๆ
และแม้ว่าค่าโทรศัพท์สมาร์ตโฟนรุ่นหลังๆ จะมีราคาพอๆ กับรถมอเตอร์ไซค์ แต่ถ้ามือถือหาย บางคนแอบใจหายยิ่งกว่าโดนโจรขโมยมอเตอร์ไซค์ซะอีกแน่ะ
โทรศัพท์มือถือจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญ ไม่ว่าจะทำอะไรต้องอยู่ใกล้มือ หรือพกติดมือเราไว้เสมอ เช่น เข้าห้องน้ำ กินข้าว นอนหลับ โอนตังค์ เช็กข่าวเมาธ์ ฯลฯ
ซึ่งหนึ่งกิจกรรมอย่างการออกกำลังกายก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เพราะบางคนใช้เสียบหูฟังเพลงจากลิสต์เพลงตื๊ดๆ เพื่อบิลด์อารมณ์ให้เกิดความคึก กระฉับกระเฉง และวิ่งสับขาฉับๆ ได้ตามบีตเน้นๆ แน่นๆ
บางคนใช้นับระยะก้าวเดิน ใช้ดูค่าฝุ่นพิษรอบตัวขณะออกกำลังกาย ส่องเรดาร์คุณแฟนว่าขณะฉันวิ่งอยู่ หล่อนเถลไถลอยู่ที่ไหน และแน่นอนคือ ใช้รับสายสำคัญๆ ที่จะทำให้เราไม่พลาดโอกาสทองของการติดต่อทั่วไป
แต่ที่พูดมาทั้งหมดนี้ โค้ชกรีฑาจากประเทศอังกฤษ อเล็กซ่า ดัคเวิร์ธ มีคำเตือนในการพกมือถือวิ่งมาบอกว่า หยุดค่ะ! “นี่อาจจะฟังดูเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่การที่ถือโทรศัพท์มือถือแล้ววิ่งไปด้วยนั้น อาจมีความเสี่ยงในการเกิดการบาดเจ็บสาหัสได้ เพราะเมื่อคุณจับหรือถือวัตถุบางอย่างไว้ในมือ มันจะทำให้กล้ามเนื้อในร่างกายเกิดความไม่สมดุล ทำให้เกิดความบกพร่องในการกระจายน้ำหนัก และทำให้การวิ่งมีประสิทธิภาพน้อยกว่าที่เราควรจะได้”
คำพูดของ อเล็กซ่า ดัคเวิร์ธ กำลังเตือนเราว่า การกระทำที่ดูเล็กๆ น้อยๆ นี้ ถ้าสะสมและทบทวีคูณไปเรื่อยๆ ร่างกายจะเกิดการ ‘จดจำ’ การบาลานซ์น้ำหนักซีกซ้ายและขวาของร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อสองฝั่งเกิดพัฒนาการไม่เท่ากัน จากนั้นจะเกิดการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อขา สะโพก และหัวไหล่ ได้นั่นเอง พูดง่ายๆ คือ มันเป็นระบบอัลกอริทึ่มของร่างกายยังไงยังงั้น
ซึ่งเรื่องการจดจำของร่างกายจากพฤติกรรมการใช้อวัยวะเดิมๆ บ่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ดูง่ายๆ จากกรณีของนักเทนนิสและนักแบดมินตันที่จะรู้ดีว่า แขนที่ถนัดใช้ตีจะมีขนาดใหญ่กว่า หรืออาจจะยาวกว่าแขนอีกข้างไงล่ะ
“เวลาที่คุณถือโทรศัพท์มือถืออยู่ คุณกำลังเพิ่มน้ำหนักไว้ที่ด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย และทำให้แขนอยู่ในตำแหน่งการแกว่งที่ไม่เป็นธรรมชาติ ทำให้เกิดการผิดพลาดในการปรับสมดุลของการถ่ายเทน้ำหนักตัว จนมีความเสี่ยงในการเกิดอันตรายได้” เธอกล่าว
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจคิดว่า เฮลโหล! เดี๊ยนใช้ปลอกแขนใส่มือถือค่ะ ไม่ได้ถือไว้ในมือตลอดเวเสียเมื่อไหร่ บางคนก็สงสัยว่า แล้วใช้กระเป๋าใส่ของแบบเข็มขัดคาดเอวจะโอเคป่ะ
เธออธิบายว่า “คนส่วนใหญ่มักจะติดนิสัยถือโทรศัพท์ไว้ในมือข้างเดียวกันเสมอ นี่แหละคือปัญหา เพราะเมื่อมือข้างใดข้างหนึ่งเคลื่อนไหวซ้ำๆ หรือแกว่งไปมาหลายพันครั้งในช่วงระยะเวลา 30 นาทีนั้น มันจะทำให้แขนข้างหนึ่งมีน้ำหนักมากขึ้น มันเป็นการเปลี่ยนโมเมนตัมของแขนและขา ซึ่งตรงนี้ร่างกายของเราจะพยายามชดเชยความไม่สมดุลโดยให้กล้ามเนื้อบางมัดทำงานหนักมากขึ้น
“ดังนั้น ถ้าคุณถือโทรศัพท์ไว้ในมือขวา คุณมักจะมีปัญหากับขาและสะโพกซ้าย”
แต่ทั้งหมดนี้ มีวิธีจบง่ายๆ และวิน-วิน นั่นคือ ควรหากระเป๋าเข็มขัดใส่มือถือได้แบบกระชับ ล็อคมือถือไว้ไม่ให้กลิ้งไปกลิ้งมาตอนวิ่ง แล้วคาดไว้ที่เอวกลางลำตัวแบบเป๊ะๆ
วิธีนี้ นอกจากจะช่วยให้ไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อที่พูดมาทั้งหมดแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงในการทำมือถือหล่นเพราะเหงื่อที่ลื่นจนชุ่มมืออีกด้วย เรียกว่าช่วยให้เราประหยัดค่ารักษาพยาบาลจากอาการกล้ามเนื้อบาดเจ็บ และประหยัดค่าซ่อมมือถือถ้าต้องเปลี่ยนกระจกหน้าจอเลยทีเดียว
เพียงเท่านี้ เราก็สามารถเอ็นจอยกับทุกก้าววิ่ง ไม่พลาดการติดต่อสื่อสาร และเพลิดเพลินกับเพลงสนุกๆ ไปพร้อมกัน แต่ยังไงๆ อย่าวิ่งในที่เปลี่ยวกันนะจ๊ะ เพราะถ้าโดนโจรฉกมือถือไป อันนี้งานเข้า และจิตพังแบบแท้ทรู
ที่มา: metro.co.uk