Apple เป็นผู้เล่นรายล่าสุดที่รุกตลาด Single Sign On (SSO) (คือ ระบบยืนยันตัวบุคคล (Authentication) ที่รองรับการให้ผู้ใช้งานลงชื่อเข้าใช้งานระบบ (Login) ครั้งเดียว แล้วสามารถเข้าใช้งานระบบหลายระบบได้ โดยไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้งานซ้ำอีก) ซึ่งมีเจ้าตลาดอยู่แล้ว 2 รายใหญ่ คือ Google และ Facebook โดยบริการของ Apple ใช้ชื่อว่า "Sign in with Apple" มีจุดเด่นด้านการปกป้องความเป็นส่วนตัว ด้วยการสุ่มข้อมูลเพื่อสร้างบัญชีใหม่ขึ้นมาสำหรับเข้าใช้บริการต่างๆ โดยเฉพาะ ทำให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ไม่ถูกผู้ให้บริการนำไปใช้งาน
แม้ว่าบริการ Sign in with Apple จะเป็นของคู่แข่ง แต่ Mark Risher ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ของ Google ก็ได้ออกมาแสดงความชื่นชมระบบ SSO ของ Apple ในระหว่างให้สัมภาษณ์กับ The Verge
Mark Risher กล่าวว่า "ผมคิดว่าเทคโนโลยีนี้มันส่งผลดีต่ออินเทอร์เน็ต และทำให้ผู้ใช้งานได้รับความปลอดมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นบริการ SSO ของคู่แข่ง มันก็ยังมีความปลอดภัยกว่าการที่คุณกรอกบัญชี และรหัสผ่านเอง ซึ่งผู้ใช้มักจะใช้เหมือนกันหมดในทุกๆ บริการ"
นอกจากนี้ Mark Risher ยังได้ตอบคำถามในประเด็นที่ทาง Apple ระบุว่า SSO ของตนเองนั้นมีการเก็บข้อมูลจากผู้ใช้น้อยกว่าคู่แข่ง และให้ความสำคัญต่อความเป็นส่วนตัว โดยได้กล่าวว่า "มันเป็นความผิดของเราเองที่ไม่ได้ระบุให้ชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างในตอนที่คุณคลิกปุ่ม "Sign in with Google" ผู้คนจำนวนมากไม่เข้าใจขั้นตอนทำงานของมัน และคู่แข่งบางคนของเราได้อธิบายมันในทิศทางที่ผิด เช่น เมื่อคุณคลิกมันปุ๊ป มันจะแจ้งเตือนไปยังเพื่อนของคุณทุกคนว่าคุณกำลังเข้าระบบไปยังเว็บไซต์ที่น่าอับอาย ซึ่งมันเป็นประเด็นละเอียดอ่อน ที่ต้องมีคนมาทำให้มันชัดเจนขึ้นว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีประโยชน์อะไร
แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ มีความเห็นที่เสียดสีมากมาย ซึ่งมีทั้งเรื่องจริง และเรื่องเท็จที่สร้างขึ้นมาใส่ร้ายป้ายสี แน่นอนว่าผมไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเลยสักนิด ความจริงแล้วเราเก็บข้อมูลในจังหวะที่เราทำการยืนยันตัวตน (Authentication) เท่านั้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะไม่ถูกนำไปใช้งานซ้ำ หรือใช้ในการโฆษณา ซึ่งคุณสามารถเช็คสถานะการเชื่อมต่อบัญชีของคุณได้ตลอดเวลาที่ https://myaccount.google.com/security-checkup"
