จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภายหลังข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สำนักงานประกันสังคม พิจารณานำเงินกองทุนประกันสังคมปล่อยกู้ยืมเพื่อการลงทุน แต่ล่าสุดโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจงว่าบิ๊กตู่” ดึงเงินประกันสังคมใช้วิธีฝากสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อแทน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง >> ไม่เห็นด้วย! ดึงเงินประกันสังคมปล่อยกู้คิดดอกเบี้ย หวั่นกองทุนล่ม!
ความคืบหน้าวันที่ 18 พ.ย.2562 นายมนัส โกศล ประธานเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) และประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้(18 พ.ย.) ทางคปค.และสภาองค์การลูกจ้างฯ มีประชุมหารือเกี่ยวกับประเด็นข้อสั่งการนำเงินกองทุนประกันสังคมปล่อยกู้ยืมเพื่อการลงทุน ที่โรงแรมเบย์ จ.สมุทรปราการ อย่างไรก็ตาม แม้ล่าสุดโฆษกสำนักนายกฯ จะบอกว่า เป็นเพียงการฝากสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อแทน แต่จากการหารือเบื้องต้นกับทางเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน และสภาองค์การลูกจ้างฯ ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ แม้จะไปฝากกับสถาบันการเงินเพื่อปล่อยกู้ก็ตาม เพราะสุดท้ายก็มีความเสี่ยง เนื่องจากเงินในประกันสังคมก็ล้วนเป็นเงินของผู้ประกันตน การนำไปปล่อยกู้ย่อมมีความเสี่ยงที่จะกระทบกับกองทุนประกันสังคมภาพรวมเกือบ 2 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะกองทุนบำนาญที่มีกว่า 2 แสนล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง >> โฆษกฯแจงไอเดีย “บิ๊กตู่” ดึงเงินประกันสังคมใช้วิธีฝากสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อแทน
“หากสุดท้ายรัฐบาลยืนยันจะนำเงินประกันสังคมมาปล่อยกู้ไม่ว่ารูปแบบใดก็ตาม จะเกิดม็อบเคลื่อนไหวคัดค้านเรื่องนี้แน่นอน เพราะเงินประกันสังคมก็เป็นเงินที่พวกเราผู้ประกันตนจ่ายสมทบทุกเดือน เราไม่ยอมให้เอามาทำโดยไม่รับฟังความคิดเห็นเรา และในการประชุมวันนี้(18 พ.ย.) จะมีการประชุมหารือและทำข้อเสนอไปยัง ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และทางสำนักงานประกันสังคม ซึ่งจริงๆเราขอเข้าพบกับ รมว.แรงงานมาเป็นสัปดาห์แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งก็ต้องมาดูว่า จากนี้ท่านจะให้เข้าพบหรือไม่” นายมนัส กล่าว
นายมนัส โกศล
นายมนัส กล่าวอีกว่า ไม่เข้าใจว่าจะนำเงินประกันสังคมมาปล่อยกู้ทำไม หากจะทำให้ผู้ประกันตนมีสิทธิ์ในการใช้เงินบำเหน็จบำนาญบางส่วนมาใช้ก่อนแบบมีเงื่อนไข ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเมื่อถึงวันรับเงินบำนาญก็จะลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่า หากจะมีการแก้พ.ร.บ.ประกันสังคมฯ ขึ้นโดยเอาเรื่องการปล่อยกู้เข้าไปด้วย จะเกิดการเคลื่อนไหวแน่ๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่ว่าจะทำก็ทำได้โดยไม่มีการระดมความคิดเห็นใดๆ ที่สำคัญขณะนี้สถานการณ์การเลิกจ้างก็เพิ่มขึ้น แทนที่จะมาคิดว่า จะทำอย่างไรในการรองรับปัญหาคนว่างงานน่าจะดีกว่าหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง >> ผลักดันกฎหมายเพิ่มเงินช่วยเหลือคนตกงาน!
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมาฝ่ายรัฐยังให้ข้อมูลว่า สถานการณ์ว่างงานไม่น่ากังวล ตัวเลขไม่ได้มาก นายมนัส กล่าวว่า ไม่จริง เพราะตัวเลขคนว่างงานไม่ใช่แค่ 3 แสนคนแน่ๆ เพราะภาพรวมตนมองว่าต้องเป็นล้านคน เนื่องจากการเก็บตัวเลขส่วนใหญ่ไปอ้างอิงว่า มาจากภาครัฐ อย่างกระทรวงแรงงาน ที่นำข้อมูลมาจากสำนักงานประกันสังคมกรณีจ่ายเงินกองทุนว่างงาน ซึ่งตัวเลขนี้คนใช้สิทธิไม่ได้มาก เพราะเงื่อนไขเยอะ จะเอามาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้
“เท่าที่ทราบตัวเลขคนรับเงินกรณีว่างงานไม่ได้ใช้เยอะ อย่างกองทุนว่างงานมีเงิน 2 แสนล้านบาท แต่ที่ผ่านมามีลูกจ้างที่ใช้สิทธิ์นี้ประมาณ 30-50 % เท่านั้น แต่รายละเอียดตัวเลขตนไม่ทราบ ซึ่งทางประกันสังคมก็ไม่มีช่องทางที่จะเข้าไปดูได้ง่ายๆว่า มีการใช้ไปเท่าไหร่อย่างไร ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า คนใช้น้อย เพราะเงื่อนไข ที่มีเยอะ อย่างกรณีเลิกจ้างจะได้ชดเชยร้อยละ 50 ของเงินเดือนติดต่อกันนาน 6 เดือน ถ้าลาออกจะได้ ร้อยละ 30 นาน 3 เดือน เป็นต้น ซึ่งจริงๆ ควรเท่ากันหมด โดยต้องแก้ไขเป็นจ่ายชดเชยทุกกรณีว่างงานร้อยละ 75 ของเงินเดือน เพื่อความเท่าเทียม เนื่องจากต่อให้คนที่ถูกไล่ออก เขาก็ยังเป็นคนที่ส่งเงินสมทบอยู่ ถ้าให้แค่ร้อยละ 30 เท่ากับว่าเขาไม่ได้ใช้เงินที่เขาสมทบมาเลย” นายมนัส กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง >> สปส.โต้ปมถังแตก โชว์ตัวเลขกองทุน 1.6 ล้านล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง >> เปิดข้อสั่งการ “บิ๊กตู่” ดึงเงินประกันสังคมปล่อยกู้เพื่อลงทุน
