เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 4 มิถุนายน 2563 ที่ สน.บางเขน พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง ผกก.สน.บางเขน พร้อมด้วย พ.ต.ท.อนันต์ วรสาตร์ รอง ผกก.สส. ร่วมสอบปากคำนายปรัฐกรณ์ คำแหง อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่757/2563 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 ข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น,มีอาวุปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต,ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน,ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย” หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงใส่รถยนต์อเนกประสงค์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน 8กส 5059 กรุงเทพมหานคร จำนวน 6 นัด ทำให้นายพงศ์สิทธัต ทองชุม อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว ได้รับาดเจ็บ ถูกยิงกระสุนปืนเข้าที่บริเวณริมฝีปากบน และแขนขวา รวม 2 นัด เหตุเกิดบริเวณจุดกลับรถ หน้ากรมวิทยาศาสตร์ ใกล้ปากซอยพหลโยธิน 45 ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงเวลา 21.00 น. วันที่ 30 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา
เบื้องต้น จากการสอบสวน นายปรัฐกรณ์ คำแหง อายุ 34 ปี ผู้ต้องหา ให้การว่า สาเหตุที่ยิงปืนใส่คนเจ็บ เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ ช่วงที่ตนรับโทษคดีอาญาอยู่ในเรือนจำ 6 ปี ทราบว่า นายพงศ์สิทธัต ทองชุม ผู้บาดเจ็บ รู้จักกันที่จังหวัดสงขลา แอบคบหาเป็นแฟนกับ นางสาวธัญรัศมิ์ (สงวนนามสกุล) อดีตภรรยา จนเป็นเหตุให้ต้องเลิกกัน
นายปรัฐกรณ์ กล่าวยอมรับว่ามีปัญหากับ นายพงศ์สิทธัต ผู้บาดเจ็บ เพราะมีการส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก ในลักษณะด่ากันไปมาตลอด ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้มีเหตุรุนแรงอะไรเกิดขึ้น กระทั่งวันเกิดเหตุ (30 พ.ค.) อดีตภรรยา ให้มารับลูกสาว โดยนัดพบกันหน้า มหาวิทยาลัยศรีปทุม หลังจากที่รับลูกสาวขึ้นรถมาแล้ว นางพงศ์สิทธัต ขับขี่รถยนต์อเนกประสงค์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ มาประกบ ก่อนจะมองหน้าและด่าทอ ขณะนั้นมองเห็นนายพงศ์สิทธัต ทำท่าเหมือนกำลังชักอาวุธปืนออกมา จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงใส่เพื่อป้องกันตัว
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวน สน.บางเขน ได้ดำเนินการสอบปากคำ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา “พยายามฆ่าผู้อื่นฯ, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช้เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน, ทำให้ทรัพย์เสียหาย”