จากกรณีเมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศ จับกุม นายวินัย หรือ ขุน สุกใส อายุ 34 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์, กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด โดยถูกจับได้ที่ลานจอดรถอาคารชุดภายในซอยอ่อนนุช 63/1 แขวงและเขตประเวศ กทม. เนื่องจาก นายวุฒิชัย บุญสิทธิ์ อายุ 59 ปี ผอ.เขตประเวศ ได้แจ้งตำรวจว่า มีบุคคลต้องสงสัยมาจอดรถ แอบซุ่มดู และสะกดรอยตาม จึงเกรงว่าจะถูกทำร้ายร่างกายและได้รับอันตราย เบื้องต้นนายวินัยอ้างว่าเป็นอาสาสมัครป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ด้านการข่าว กอ.รมน.กรุงเทพมหานคร มีบัตรข้าราชการอื่น ๆ อีกหลายรายการ
กระทั่งวันที่ 17 ต.ค. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ได้ลงนามในคำสั่งที่ 2638/2562 เรื่องย้ายข้าราชการ มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.เป็นต้นไป โดยให้ นายวรเศรษฐ์ วิศาลศักดิ์ผอ.สำนักงานตรวจและบังคับการ สำนักเทศกิจ มาเป็น ผอ.เขตประเวศ ให้ นายวุฒิชัย มาเป็น ผอ.เขตคลองสามวา ก่อนเกษียณ ให้นายอมฤต สุวรรณทิพย์ ผู้ตรวจราชการ สำนักปลัด กทม. ไปเป็น ผอ.เขตสะพานสูง และให้ น.ส.อธิศรี วุฒิภาคภักดี ผอ.เขตพระโขนง มาเป็นผู้ตรวจราชการสำนักปลัด กทม.
ล่าสุด นายวุฒิชัย ผอ.เขตประเวศ กล่าวเปิดใจอย่างขวัญเสียไม่หายว่า ตนเพิ่งย้ายเข้ามาประจำเขตเมื่อประมาณ 4 เดือนที่ผ่านมา ยอมรับว่ายังไม่รู้จักเจ้าหน้าที่แต่ละคนมากพอ ย้อนไปเมื่อวันที่ 19 ก.ย. เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมขังสูงบริเวณซอยเฉลิมพระเกียรติ 7, 9 และ 11 มีลักษณะพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเข้า-ออกพื้นที่ไม่ได้ ต้องเร่งระบายน้ำโดยด่วน จึงได้สั่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปช่วยดูแลการระบายน้ำในจุดดังกล่าว ต้องทำทำกั้นน้ำขึ้นมาก่อนแล้วค่อยสูบน้ำลงคลองหนองบอน จากนั้นนำกระสอบทรายเข้าบล็อกตามจุดต่าง ๆ เนื่องจากน้ำในคลองมีระดับสูง หากทำการสูบออกน้ำจะวนกลับมาที่เดิม ต้องใช้เวลานานในการแก้ไขปัญหาจุดนี้ จึงได้ติดต่อไปยังหัวหน้าฝ่ายโยธาให้เข้ามาช่วยในพื้นที่ เพราะคิดว่าจะทราบดีว่าเจ้าหน้าที่คนไหนถนัดในตำแหน่งงานใด จะได้ทำงานรวดเร็วมากขึ้น แต่ทางหัวหน้าฝ่ายโยธาปฏิเสธการลงพื้นที่ แจ้งว่าน้ำท่วมขังเต็มพื้นที่ไปหมด หากทำการระบายน้ำออกน้ำจะไหลวนกลับมาสู่ที่เดิม ควรให้รอทางสำนักการระบายน้ำเข้าติดตั้งเครื่องช่วยระบายน้ำในพื้นที่
นายวุฒิชัย กล่าวอีกว่า ต่อมาทางสำนักงานเขตได้เรียกประชุมหัวหน้างานเพื่อทำสรุปรายงาน แต่หัวหน้าฝ่ายโยธาไม่ไปเข้าร่วมประชุม ซึ่งเป็นแบบนี้หลายครั้ง ทำให้แจ้งต่อที่ประชุมว่าหากยังเป็นเช่นนี้อีก จะทำการดำเนินการทางวินัย รวมทั้งรายงานต่อปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้มีการโยกย้ายหัวหน้าฝ่ายโยธา หากย้ายหัวหน้าฝ่ายโยธาไม่ได้ ตนจะขอเป็นผู้ถูกโยกย้ายเอง จึงยื่นหนังสือต่อปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) แต่เรื่องเงียบหายไป กระทั่งมีสื่อลงเรื่องเกี่ยวกับการทำงานของตน ได้สั่งงานต่าง ๆ แต่ทางหัวหน้าฝ่ายโยธาไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง จึงมีการสั่งโยกย้าย ทางหัวหน้าฝ่ายโยธาได้ทำหนังสือปฏิเสธ แต่จุดประสงค์ที่มีการสั่งย้ายเนื่องจากไม่พอในเรื่องของผลประโยชน์ ซึ่งในส่วนนี้ตนได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ยังมีการนำข้อมูลในหนังสือลับไปเปิดเผย นำภาพการแถลงข่าวเรื่องโยกย้าย จนเรื่องไปถึงทาง กทม. ตนถูกผู้ใหญ่หลายท่านตำหนิ แต่แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นผู้เปิดเผย รวมทั้งไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์ใด ๆ
"เมื่อไม่นานมานี้ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมทั้งปลัด กทม. ได้เรียกผมกับหัวหน้าฝ่ายโยธาเข้าพบ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ได้ข้อสรุปมีคำสั่งโยกย้ายทั้งสองฝ่าย ผมจึงเข้าแจ้งความไว้จนทราบว่าเมื่อวันที่ 5 ต.ค. มีผู้มาขอเช่าคอนโดฯใกล้ผมในอาคารซี ใช้ชื่อว่านายชลอ แต่ให้อีกคนเข้าพัก เพื่อจะได้สะกดรอยตามผมมานานเกือบ 1 เดือน ก่อนหน้านี้ไม่ได้ระมัดระวังตัวใด ๆ เพราะไม่เคยมีปัญหากับใคร ไม่เคยถูกปองร้าย ส่วนเรื่องนายวินัยถูกจับ อยู่ในขั้นตอนการสืบสวน รอการขยายผลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป" นายวุฒิชัย กล่าว.
