โศกนาฏกรรมกราดยิง “ผู้บริสุทธิ์” ใจกลางเมือง-ย่านธุรกิจ ภายในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 จังหวัดนครราชสีมา เขย่าขวัญ-สะเทือนกองทัพ
ความ “หละหลวม” ของระบบรักษาการณ์ “คลังอาวุธ” ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ นครราชสีมา ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 “หน่วยขึ้นตรง” กองทัพบก ทำให้ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ต้องปาดน้ำตา-แอ่นอกรับผิดชอบ
ยิ่ง “ต้นตอ” ของ “มูลเหตุจูงใจ” การก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ คือ “ธุรกิจนายหน้า” ในค่ายทหาร ที่มีนายทหารชั้นนายพัน-นายพลเข้ามาพัวพัน “โครงการบ้านสวัสดิการกองทัพบก”
จน “บิ๊กแดง” ต้องประกาศทลายขุมทรัพย์นายพล-ล้างบาง “ธุรกิจสีเทา” ในค่ายทหาร “ทุบหม้อข้าว” กองทัพที่เป็นเสบียง-กำลังบำรุงให้นายพลในราชการ-นายพลนอกราชการเกษียณเป็นเงินนอกงบประมาณ-เงินที่ไม่ต้องส่งเข้าคลัง เป็น “เบี้ยบ้ายรายทาง” เข้ากระเป๋า “นายพลนอกรีต”
โดยเฉพาะ “บ้านหลวง” ที่ “นายพลนอกราชการ” ใช้เป็น “บ้านพัก” ตั้งแต่เป็นแม่ทัพ-นายกอง สมัยยังมีอำนาจในกองทัพ แม้จะ “เกษียณอายุราชการ” ไปแล้ว แต่ก็ยังใช้เป็นที่อาศัยหลับนอน-อวยพรวันเกิด-บรีฟงาน ซ่องสุมอำนาจ สะสมบารมี
ทั้งบ้านพักนายทหารเกษียณในหน่วยกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
สำหรับขุมทรัพย์ลายพราง-กระเป๋าเงินกองทัพ ที่เป็นธุรกิจขายตรง-สัมปทานกับเอกชน ที่มี “กลุ่มทุนใหญ่” เป็น “สปอนเซอร์หลัก” ของกองทัพ ทั้งสนามมวย-สนามกอล์ฟ-สโมสรฟุตบอล
ทั้งสนามมวยลุมพินี Executive Director-Board of Director ประกอบด้วย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานอำนวยการสนามมวยเวทีลุมพินี พล.ต.ราชิต อรุณรังสี นายสนามมวยเวทีลุมพินี พ.อ.สมสกุล วิจิตรภาพ เลขาธิการสนามมวยลุมพินี
สโมสรฟุตบอล อาร์มี่ ยูไนเต็ด ที่ พล.อ.อภิรัชต์ ประกาศ “ยุบทีม” ไปแล้ว มี พล.อ.อภิรัชต์ เป็นประธานสโมสร พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก เป็นผู้จัดการสโมสร และ พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เป็นผู้จัดการทั่วไป มี main sponsors ได้แก่ กลุ่มบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และบริษัทในเครือ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และบริษัท กีล่า สปอร์ต จำกัด
นอกจากสนามมวย-สนามฟุตบอลแล้ว ยังมีสนามกอล์ฟ ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก รามอินทรา (ทบ.) และศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบกสวนสนประดิพัทธ์
รวมถึงที่ดินที่เป็นทั้งกรรมสิทธิ์และครอบครองของกองทัพบกกว่า 5 ล้านไร่ ที่เป็นที่ดินว่างเปล่า-ที่ดินราชพัสดุ โดยในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ จะมีการลงนามเอ็มโอยูเพื่อพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์กับกระทรวงการคลัง เนื้อที่ 1 ล้านไร่
เริ่มตั้งแต่พื้นที่ของโรงแรมสวนสนประดิพัทธ์ โดยเปิดให้เอกชนเข้ามาดำเนินการ เพื่อนำเงินส่งเข้ากระทรวงการคลัง และแบ่งสัดส่วนเพื่อนำเข้ากองทุนสวัสดิการของกองทัพต่อไป
โดยที่ผ่านมากองทัพใน “ยุคบิ๊กแดง” ได้ส่งคืน-คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของที่ราชพัสดุจำนวนมาก
อาทิ ในท้องที่ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เนื้อที่ 45-1-34 ไร่ จากเนื้อที่ทั้งหมดที่ศูนย์การทหารปืนใหญ่ส่งคืน 86,413-0-33 ไร่
ในท้องที่แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร จำนวน 8 แปลง 1,340-1-61.6 ไร่ ส่งคืนโดยกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
ในท้องที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต และแขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร จำนวน 484-3-21 ไร่ ส่งคืนโดยมณฑลทหารบกที่ 11
ขณะที่คลื่นความถี่วิทยุ-โทรทัศน์กระจายเสียง ทั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก หรือ ททบ.5 มี พล.อ.อภิรัชต์ เป็นประธานกรรมการบริหารกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์กองทัพบก มี พล.อ.กิตติเชษฐ์ ศรดิษฐพันธ์ เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
นอกจากนี้ กองทัพบกยังมีสถานีวิทยุในเครือกองทัพบก 126 สถานีทั่วประเทศ โดยมีทั้งเครือความถี่ที่กองทัพบกดำเนินกิจการเอง และให้สัมปทานเอกชน “เช่าช่วงต่อ” อาทิ สถานีวิทยุ จส.100 (บริษัท แปซิฟิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด)
1.ให้ทำหนังสือถึงผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้วยังอาศัยอยู่ที่บ้านสวัสดิการ และไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศ โดยแจ้งให้ออกจากบ้านพักภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 นี้
2.ในส่วนที่ผู้เกษียณราชการแล้ว แต่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ เช่น นายกรัฐมนตรี, รองนายกรัฐมนตรี, คณะรัฐมนตรี, สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และองคมนตรี ยังสามารถอาศัยอยู่ได้ตามปกติ เพราะทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศ
กลายเป็นงานท้าทายที่ “พล.อ.อภิรัชต์” มีเวลา 7-8 เดือน ก่อนเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน ในการพิสูจน์สิ่งที่ได้ “ลั่นวาจา” ไว้
