โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

"ป๋อ" เผยบทเรียนลูกผู้ชาย "น้องภู" ล้มหน้าฟาดโต๊ะ เย็บกว่า 20 เข็ม สติแตกโทษทุกคน รวมทั้งเมีย

Manager Online

เผยแพร่ 27 ก.พ. 2563 เวลา 11.09 น. • MGR Online

"ป๋อ ณัฐวุิฒิ" เล่าหัวอกพ่อ สติแตก "น้องภูดิศ" เกิดอุบัติเหตุหน้าฟาดโต๊ะ เย็บมากกว่า 20 เข็ม โทษทุกคน รวมทั้งเมีย ก่อนสงบจิตใจ คิดได้ว่าไม่มีใครอยากให้เกิด เผยกลับมาดูแลรักษาต่อที่บ้าน แต่ต้องไปล้างแผลทุกวัน ลั่นเป็นบทเรียนที่จะทำให้ลูกชายจดจำไปอีกนาน

เห็นก่อนหน้านี้โพสต์ทั้งภาพและข้อความสุดประทับใจที่ได้ไปเที่ยวกระบี่กันทั้งครอบครัว แต่สุดท้ายพระเอกพ่อลูกสอง "ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ" ก็โพสต์ว่าลูกชายคนโตอย่าง "น้องภูดิศ" เกิดอุบัติเหตุคืนก่อนกลับว่าคางแตกถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลด่วนกลางดึก ซึ่งพอเจอหนุ่มป๋อในงานเติมเต็มถัง ลดครึ่งราคา ณ ปั๊มบางจากศรีนครินทร์ เจ้าตัวก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าทุกอย่างไม่มีใครคาดคิด เพราะเป็นคืนก่อนจะกลับกรุงเทพฯ กันอยู่แล้ว

“จริงๆ ก็ตัดสินใจกันอยู่เหมือนกันว่าจะลงให้เป็นเรื่องเป็นราวไหม แต่ก็อยากจะลงขอบคุณสำหรับคนที่ได้ช่วยเหลือจริงๆ เพราะว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นประมาณ 5 ทุ่ม ซึ่งอีกวันเราก็จะกลับแล้วถ้าทุกคนได้ติดตามในอินสตาแกรมคือเราเที่ยวกันสนุกมาก พรุ่งนี้จะบินกลับ ตอนประมาณ 5 ทุ่มผมก็นั่งทานอาหารกับเพื่อนๆ แล้วเอ๋ก็โทร.มาบอกว่าลูกคางแตก แต่เสียงคือมันไม่ได้แล้วมันต้องโรงพยาบาล ก็ต้องแบกจากหาดที่จังหวัดกระบี่ เหมือนว่าต้องลงเขานิดหนึ่งด้วย ผมก็ต้องแบกภูดิศขึ้น แล้วรถโรงแรมก็พาไปส่งที่โรงพยาบาล"

"คือ 20 นาทีตอนนั้นเหมือน 2 ชั่วโมง เพราะว่าภูดิศเขาร้องเพราะเจ็บมาก เอ๋เขาก็ร้องเพราะว่าใจเสีย ผมก็บอกว่าเอ๋อย่าร้อง เอ๋บอกแผลใหญ่มาก ลึกมาก เรื่องของเรื่องคือภูดิศเขาพยายามจะวิ่งไปที่ทีวี เหมือนจะไปชี้อะไรซักอย่างที่ทีวีเพื่อจะบอกน้องแล้วก็ลื่นผ้าห่มที่โรงแรม พอลื่นปุ๊บขาก็ลอยเลยด้วยทิศทางมันจะพุ่งไปทางทีวีอยู่แล้ว คางก็เลยไปกระแทกกับโต๊ะวางทีวี ก็เลยเป็นแผลลึก ฉีกทะลุปากด้านในประมาณ 2-3 เซนติเมตร ทะลุริมฝีปากเข้าไปด้านในเลย ก็ไม่เคยเห็นแผลเขาเยอะขนาดนี้ ตอนนี้จิตใจก็ยังไม่ค่อยดีกันเท่าไหร่”

บอกกว่าจะได้เย็บแผลต้องรอวันรุ่งขึ้น เพราะต้องรอหมอศัลยกรรม และต้องตรวจหลายขั้นตอน

"ตอนนั้นก็ร้องกันหมดล่ะครับ จริงๆ แล้วน้องที่เป็นเจ้าของรีสอร์ตที่มาดูแลเขาก็ยังน้ำตาซึม ขึ้นรถตามไปหมดเลย แต่ตอน 5 ทุ่มมันไม่มีหมอแล้วไง เล่าก่อนว่าระหว่างนั่งรถตู้ที่บอกว่า 20 นาทีเหมือน 2 ชั่วโมง คือเราก็ไม่รู้ว่ากระบี่จะมีโรงพยาบาลยังไง แล้ว 5 ทุ่มจะมีหมอไหม พอไปถึงก็มีคุณหมอครับ แต่คุณหมอแนะนำว่ายังเย็บไม่ได้ต้อง CT Scan อีก น้องต้องเจ็บต่อไปอีก ต้องไปดูว่ากรามแตกหรือเปล่า ต้องนอนอยู่ในอุโมงค์ CT Scan อีกประมาณ 10 นาที ต้องไปเอ็กซเรย์อีก ผมก็ต้องอยู่ข้างนอก น้องก็ร้องหาเอ๋อย่างเดียวเลย"

"สุดท้ายคุณหมอยังไม่เย็บวันนี้เพราะว่าน้องเพิ่งทานอาหารมาและลักษณะน้องดิ้นมาก เจ็บปวดจนไม่สามารถเย็บได้ เพราะว่าถ้าเย็บตอนนี้แผลต้องไม่สวยก็จะแย่เลย หมอที่จะมาเย็บต้องเป็นหมอพลาสติก หมอศัลยกรรม ซึ่งจะมาวันรุ่งขึ้น และเนื่องจากว่าน้องทานอาหารมาตอน 3 ทุ่มเลยวางยาไม่ได้ ต้องรอ 6-8 ชั่วโมง ก็ต้องให้น้องนอนไปก่อน พอเช้าค่อยปลุกน้องมาวางยารอบหนึ่ง ซึ่งเราก็ต้องบินบ่ายวันนั้นอีก เราก็ไม่รู้ว่าจะบินได้ไหม โรงพยาบาลก็ช่วยเต็มที่ ก็เลยอยากจะลงอินสตาแกรมขอบคุณโรงพยาบาลว่าช่วยเหลือเต็มที่"

เผยตอนนั้นได้แต่โทษทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็คิดได้เกิดเพราะเป็นอุบัติเหตุ

“ผมกับเอ๋วันนั้นคือนอนไม่หลับเลย มันแย่ ผมไม่รู้ว่าของเอ๋รู้สึกยังไงนะ แต่เราก็โทษตัวเองด้วย เราโทษทุกคนหมดเลย โทษตัวเองว่าทำไมเรามานั่งกินข้าว ทำไมไม่ไปดูน้อง คือน้องดูทีวีอยู่ที่ห้อง แล้วเรากินข้าวอยู่ที่ร้านอาหารมันไม่ไกลกัน ซึ่ง 2-3 คืนที่ผ่านมามันก็เป็นแบบนี้มาตลอด แต่เราก็รู้สึกว่ามันไม่น่าเกิด เราก็โทษตัวเอง โทษเอ๋ว่าไม่น่ามากระบี่เลย โทษไปหมดเลย คือมันฟุ้งซ่าน"

"แต่พอตื่นเช้ามาถึงค่อยมีสติว่ามันไม่ใช่ความผิดของใครเลย มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ แม้กระทั่งคนที่เฝ้าน้องอยู่เขาก็ขอโทษเพราะว่ารู้สึกผิด เราก็บอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขา ไม่ใช่ของผิดของเอ๋ ไม่ใช่ความผิดของผม ไม่ใช่ความผิดของกระบี่ ไม่ใช่ความผิดของรีสอร์ต ไม่ใช่ความผิดของใครเลย มันเป็นอุบัติเหตุ เราก็ต้องยอมรับ”

เผยตอนแรกหวั่นว่าจะกลับไม่ไหว เพราะ "น้องภูดิศ" มีอาการอาเจียนเพราะเมายาสลบอยู่

"น้องตอนนี้พอกลับมาแล้วก็ซึมอยู่ 2-3 วันนะครับ เราก็บอกว่าที่ห้ามปีนโน่นปีนนี่มันก็อย่างนี้แหละ ถ้าพลัดตกขึ้นมาหน้ามันก็จะลงก่อน แล้วเราเป็นเด็กมือมันยันไม่ทัน หน้ามันลงก่อน เขาก็ซึมๆ แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องที่เขาจะต้องเรียนรู้ต่อไปในอนาคตว่าเขาต้องระวังตัวเองมากขึ้น คืนวันที่อยู่โรงพยาบาลก็อธิบายไปเยอะ เพราะว่าเขาจะไม่เย็บ จะกลับโรงแรมไม่อยู่แล้วที่โรงพยาบาล ดิ้นจนต้องจับกัน 5-6 คน สุดท้ายคุณหมอก็บอกว่าวางยาดีกว่าเพราะว่าดูแล้วน่าจะทะลุด้านไหนด้วย ตอนคืนนั้นใจเราไม่ดีภาวนาขอให้แค่เป็นข้างนอกอย่าทะลุถึงด้านใน สรุปคุณหมอบอกว่าก็ตามที่คาด ก็คือทะลุด้านในเลย”

"แต่สรุปคือไม่ได้เปลี่ยนไฟลต์กลับครับ เพราะว่าไฟลต์เราประมาณ 5 โมงเย็นอยู่แล้ว คือเย็บเป็นไหมละลายด้านในเยอะเหมือนกัน ด้านนอกก็ประมาณสัก 20 เข็ม แต่เป็นการเย็บแบบศัลยกรรม เย็บถี่ แล้วก็บินกลับวันนั้นเลย เป็นห่วงเรื่องการขึ้นเครื่องเหมือนกันว่าจะเจ็บ จะปวดไหม เพราะว่าระหว่างทางที่เขาเดินทางจากโรงพยาบาลกลับไปเอาของที่โรงแรมเพื่อที่จะไปสนามบินเขาก็อาเจียนระหว่างทางคือยังเมายาอยู่ ก็กลัวว่าน้องจะไม่ไหว เหมือนเสียน้ำด้วย เสียเลือดด้วย ตกใจด้วย แต่ก็ใจแข็งดีครับ เขาก็สู้ แต่ก็ได้ทุกคนช่วยด้วยนะครับ ขอบคุณรีสอร์ตที่โรงแรมที่กระบี่แล้วก็โรงพยาบาลที่คอยช่วยเหลือ”

"เหตุการณ์นี้ถามว่าสอนอะไรครอบครัวเราบ้าง จริงๆ เราก็ดูแลเต็มที่นะ เราต้องยอมรับมากกว่า อุบัติเหตุมันก็คืออุบัติเหตุ ผมไม่ได้โทษใครเลย ผมว่ามันเกิดจากตัวน้องเอง มันเป็นสิ่งที่น้องจะต้องเรียนรู้ในชีวิตว่าเราก็เคยหกล้ม เคยแขนหักขาหัก แต่โชคดีที่เราได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีมากกว่า เรามีคนที่ช่วยดูแลและรักษาน้องอย่างเต็มที่มากกว่า มันก็เลยทำให้จากหนักกลายเป็นเบา”

บอกคงเป็นเหตุการณ์ที่ลูกชายต้องจำไปอีกนาน

“ตอนนี้กลับมาบ้านแล้วครับ น้องก็ต้องไปล้างแผลที่โรงพยาบาลทุกวัน เพราะว่ามีแผลอยู่สองจุดก็คือข้างนอกและข้างใน ข้างนอกก็ปิดแล้วล่ะเพราะว่าล้างทำความสะอาดทุกวัน เอ๋เขาก็ทัวร์โรงพยาบาลทุกวัน ไม่ได้ไปโรงเรียนด้วย พอดีว่าเป็นจังหวะช่วงโควิด-19 ก็เลยไม่ได้ไปโรงเรียนกัน เภาก็เลยได้รับโบนัสไปด้วย ได้หยุดไปด้วย ซึ่งเภาวันนั้นก็อึ้งไปเลยครับ เพราะเลือดเยอะมาก เภาก็ช็อกไปเลย นิ่งไปเลย แต่หลังๆ เขาก็ดูเป็นห่วงนะ ถามว่าพี่ภูเป็นยังไงบ้าง แต่ตอนนี้แผลข้างในสำคัญกว่า คือมันจะหายยากกว่า มีทั้งน้ำลายมีทั้งแบคทีเรีย ทุกคนก็ต้องระวัง”

“ตอนนี้ก็กินได้เกือบ 100% แล้วครับ แต่ว่าจะต้องไม่กรอบ อะไรที่เป็นคมๆ แข็งๆ ยังไม่ได้ ต้องเป็นอะไรที่อ่อนๆ อยู่ แต่ก็ดีนะมันเป็นบทเรียนของเขาที่พ่อแม่ไม่ได้สอน แต่มันก็โหดไปหน่อย ตั้งรับไม่ทันจริงๆ กังวลเรื่องแผลเป็นไหมเหรอ ก็กังวลเหมือนกันครับ เพราะคุณหมอเขาบอกว่าอาจจะมีนิดนึง แต่แผลเด็กพอเขาเติบโตขึ้น แผลมันจะประสานได้เร็ว เนื้อมันจะเกลี่ยกันได้เร็ว เนื้อเขาจะสร้างได้เร็ว และถ้าเกิดมีรอยแผลเป็นมันก็จะมีในส่วนของเลเซอร์ที่สามารถช่วยได้ ตรงนี้ก็ยังไม่น่าห่วง ฟันหักซี่นึง ครบของกระบวนการคางแตก ไม่ใช่แตกธรรมดา แตกแบบทะลุเลย”

facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0