โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ปูมหลัง “สรยุทธ” จากลูกโชห่วย นักข่าวปลายแถว ค่าตัวทะยาน สู่วิบากกรรมไร่ส้ม

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 21 ม.ค. 2563 เวลา 04.09 น. • เผยแพร่ 21 ม.ค. 2563 เวลา 04.08 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ย้อนไปดูชีวิตของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ในวันที่ยังอยู่เฉิดฉายเจิดจ้าอยู่บนหน้าจอ ด้วยลีลาการเล่าข่าวที่เป็นเอกลักษณ์ ถ่ายทอดให้เข้าใจง่าย มีวิธีการนำเสนอที่เป็นแบบฉบับของตัวเอง ทำให้ชาวบ้านร้านตลาดติดตามเขาอย่างคับคั่ง

กระทั่งมีเรื่องมีราวให้จำต้องโบกมือลา เมื่อโดนแรงกดดันรอบด้านจาก “คดีไร่ส้ม” คงเหลือ “น้องไบรท์” ลงสนามรายการเล่าข่าวแย่งชิงตัวเลขผู้ชมอย่างกระอักเลือด

ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ไล่เรียงชีวิตของผู้ชายที่เรียกตัวเองว่า กรรมกรข่าว เขาเป็นใครมาจากไหน บุกบั่นฝ่าฟันถึงเพียงใด กว่าจะมาเป็น “สรยุทธ สุทัศนะจินดา

กว่าจะมาเป็น “สรยุทธ” กรรมกรข่าว ผู้โกยเรตติ้งกระฉูด

สรยุทธ สุทัศนะจินดา” เกิด 11 พฤษภาคม 2509 (ปัจจุบันอายุ 53 ปี) เป็นคนกรุงเทพฯ ครอบครัวทำธุรกิจร้านโชห่วย ย่านบางกะปิ ในปี 2530 จบคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เกรดเฉลี่ย 3.8

ในปี 2531 เริ่มอาชีพแรก โดยการเป็นนักข่าวที่เดอะเนชั่น ประจำรัฐสภา ทำอยู่นานประมาณ 2 ปี จึงย้ายไปประจำทำเนียบรัฐบาลอีก 2 ปี แต่ชีวิตนักข่าวในขณะนั้น ไม่ค่อยโลดโผนหรือโดดเด่นเท่าที่ควร

ปี 2535 สรยุทธ เข้ามาประจำกองบรรณาธิการ (กอง บ.ก.) ในตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าข่าวการเมือง, ปี 2537 เป็นหัวหน้าข่าวการเมือง, ต่อมาเข้าปี 2540 สรยุทธเขยิบมาเป็นบรรณาธิการข่าว และแบ่งเวลามาร่วมกับ “สุทธิชัย หยุ่น” บิ๊กบอสและทีมงาน จัดรายการวิเคราะห์ข่าวให้สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ

เมื่อมีสถานีไอทีวี ผู้บริหารสถานีได้ดึงทีมเดอะเนชั่นเข้ามาบริหารข่าว สรยุทธก็ติดสอยห้อยตามมาด้วย ช่วงนั้นเขาเริ่มเป็นที่รู้จักในระดับหนึ่ง จนกระทั่งในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ทีมเนชั่นทนแรงเสียดทานรัฐบาลไม่ไหว แยกตัวออกมา และเริ่มต้นใหม่ที่ยูบีซี 8 โดยมีรายการ “เก็บตกจากเนชั่น” และ “คมชัดลึก” เป็นตัวชูรสให้ชื่อเสียงของสรยุทธเป็นที่ยอมรับในวงการมากขึ้น ด้วยคำถามที่คม ถึงลูกถึงคน มีลูกล่อลูกชนแพรวพราว

*ค่าตัวไม่ธรรมดา *

ช่วงปี 2546-2549 เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นพิธีกรรายการข่าว “ถึงลูกถึงคน” “คุยคุ้ยข่าว” ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี

นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงจากรายการของช่องฝั่งพระราม 4 ไม่ว่าจะเป็นรายการ จับเข่าคุย, เรื่องเล่าเช้านี้, เรื่องเด่นเย็นนี้ และเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 3 จนหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า เขาเอาเวลาช่วงไหนไปนอน

ในปี 2546 หรือในช่วงที่ชื่อสรยุทธเริ่มบูม สื่อมวลชนขุดคุ้ยรายได้ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ว่าเขามีรายได้ตกเดือนละเท่าไร เพราะไม่ว่าจะเปิดทีวีมาตอนไหน ล้วนเห็นหน้าเขาเล่าข่าว วิเคราะห์ข่าวอยู่ร่ำไป

โดยสื่อในยุคนั้น รายงานว่า ภายหลังจากที่ สรยุทธ บอกลาจากเครือเนชั่น สรยุทธ มีรายการโทรทัศน์อยู่อย่างน้อย 3 รายการ หนึ่งคือ รายการกล่องวิเศษ จัดสัปดาห์ละ 4 ครั้ง เดือนละ 16 ครั้ง ค่าตัวเบ็ดเสร็จ 100,000 บาทต่อเดือน

สองคือ รายการถึงลูกถึงคน ทางช่อง 9 ภาคกลางคืนทุกคืน ค่าตัวว่ากันเป็นรายวัน วันละ 5,000 บาท รวม 22 วัน ในเดือนหนึ่ง ตกประมาณ 110,000 บาท และสามคือ รายการเรื่องเล่าเช้านี้ รายได้ไม่ยืนยันแน่นอน แต่สูงลิบแน่นอน

ทั้งนี้ ไม่นับรวมรายได้ประจำที่รับต่างหากจากตำแหน่งโปรดิวเซอร์ ฝ่ายรายการของบีอีซีอีก 200,000 บาทต่อเดือน ซึ่งสื่อในยุคนั้นยังระบุเน้นย้ำในรายงานไว้อีกว่า สรยุทธ ได้จ่ายภาษีถูกต้องตามกฎหมายอย่างเรียบร้อยทุกบาททุกสตางค์

ขณะที่ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า ธุรกิจของสรยุทธมีอยู่ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด

โดยในปี 2558 ถือว่าเป็นปีที่ สรยุทธ ทำรายได้ได้มากโข เพราะข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด มีกำไรสุทธิ 66 ล้านบาท ส่วนบริษัท ไร่ส้ม จำกัด มีกำไรสุทธิ 320.3 ล้านบาท รวมสองบริษัทกำไรปาเข้าไปเกือบ 390 ล้านบาท

จากวันดัง ถึงวันดับ

ขณะที่ อีกบทบาทหนึ่งที่คนไทยยอมรับในความทุ่มเทของเขาก็คือ การรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน และลงพื้นที่ไปช่วยเหลือชาวบ้าน อย่างเมื่อครั้งน้ำท่วมหนักช่วงปี 2554 คนไทยเห็นหน้าสรยุทธบุกลุย “น้องน้ำ” ไปเกือบทุกที่ อีกทั้งยังสามารถระดมเงินทุน และเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยเวลาอันรวดเร็ว แม้จะถูกวิจารณ์ว่า ทำเกินหน้าที่สื่อมวลชนก็ตาม

แต่กระนั้น สรยุทธ ถือเป็นสื่อมวลชนที่เรียกตัวเองว่า “กรรมกรข่าว” ร่ำรวยจากการทำรายการข่าว โดยจัดตั้ง บริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด และบริษัท ไร่ส้ม จำกัด รับดำเนินการจัดรายการข่าวให้สถานีโทรทัศน์ สร้างเรตติ้งกระฉูด กระทั่งถูกร้องเรียนกรณีทุจริตค่าคิวโฆษณา จนศาลตัดสินจำคุก และปิดฉาก “นักเล่าข่าว” ชื่อดังในที่สุด.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0