โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ปั้นธุรกิจแฟชั่นให้โตไว ด้วยการสร้างลูกค้าประจำ

ADVERTORIAL

เผยแพร่ 29 ก.ย 2562 เวลา 17.00 น. • LINE for Business

‘อยากได้เสื้อผ้า แต่ไม่มีเวลาออกไปช้อป’

‘ต้องอัพเดทเทรนก่อนใคร ไม่อยากโดนหาว่าเอ้าท์’

‘มีนัดอีกแล้ว แต่ไม่รู้จะใส่อะไร (ถ่ายรูป) เลย ’

ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมธุรกิจแฟชั่นจึงเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตและได้รับความนิยมในการช้อปออนไลน์อันดับต้นๆ ในยุคนี้  

ยิ่งถ้าร้านไหนมีสไตล์ชัดเจน มีคุณภาพสินค้าที่ดีด้วยล่ะก็ โอกาสที่จะดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ก็ยิ่งสูงขึ้น นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญของเจ้าของแบรนด์แฟชั่น ที่จะสามารถแจ้งเกิดได้ โดยที่ไม่ต้องถูกจำกัดด้วยขนาดพื้นที่ร้านหรือค่าเช่าอีกต่อไป 

แต่แน่นอน นอกจากการโปรโมทสินค้าให้คน ’รู้จัก’ และ ‘สนใจ’ แล้ว การ ‘สร้างความประทับใจ’ เพื่อให้ลูกค้าที่เคยซื้อไปแล้ว กลับมา ‘ซื้อซ้ำ’ก็ถือเป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน ทั้งนี้ เพราะต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่นั้นสูงกว่าการรักษาลูกค้าเดิมหลายเท่านัก การมีลูกค้า ‘ขาประจำ’ ที่กลับมาซื้อครั้งแล้วครั้งเล่า จึงน่าจะเป็นสุดยอดปรารถนาของเจ้าของแบรนด์ทุกคนเลยทีเดียว  

และในบทความนี้ ทิปจะมาแชร์เทคนิคการใช้ฟีเจอร์เจ๋งๆ ใน LINE Official Account เพื่อปั้นธุรกิจแฟชั่นให้โตไว ด้วยการสร้างลูกค้าประจำกันค่า

1. จำลูกค้าได้ไม่มีลืม ด้วยการใช้ User’s display Name

ใครๆ ก็ชอบให้คนจำชื่อได้ ยิ่งถ้าร้านโปรดทักเราด้วยชื่อ ยิ่งรู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษเข้าไปใหญ่ แต่หลายครั้งลูกค้าอาจจะตั้ง display name เป็นชื่ออื่นๆ ที่ไม่ใช่ชื่อจริงของตัวเอง ทำให้ยากต่อการจดจำ ซึ่งปัญหานี้จะหมดไป เพราะ LINE Official Account สามารถให้ผู้ใช้แก้ไขชื่อผู้ติดตาม (User’s display name) ด้วยตนเองได้เลย

ซึ่งวิธีการก็ง่ายมากเพียง คลิกที่แถบแชท เลือกแชทของลูกค้าที่ต้องการ แล้วคลิกที่รูปโปรไฟล์ลูกค้า

2. ใช้ Chat Tag แบ่งลูกค้าไว้ ดูแลง่ายกว่าที่เคย 

Chat tag คือ เครื่องมือช่วยในการแบ่งลูกค้าเป็นกลุ่มๆ แล้วทำการติดป้ายกำกับไว้ เพื่อให้แอดมินทุกคนรู้ได้ว่าลูกค้าคนนี้อยู่ในกลุ่มไหน ควรต้องดูแล หรือ ติดตามต่ออย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่จัดกลุ่มไว้ว่าเป็น VIP จะได้รับส่วนลดค่าส่งสินค้า 50% หรือลูกค้าค้างส่ง ต้องรีบตามสินค้าให้ เป็นต้น

โดยเราสามารถสร้าง Chat Tag ไว้ได้สูงสุดถึง 200 แท็ก และติดแท็กลูกค้าได้สูงสุดถึง 10 แท็ก/คน ( ลูกค้าจะไม่เห็นแท็กนี้ มีเพียงแอดมินเท่านั้นที่เห็น)

และกรณีที่เราไม่ได้คุยกับลูกค้ามานานๆ หรือ เผลอกดลบ Chats ทิ้งไป เราก็จะยังกลับมาหาลูกค้าได้ ด้วยการ Search Tag หรือพิมพ์ Tag ที่ต้องการลงไปในช่องค้นหา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการใช้งานที่มีประโยชน์มากๆ เช่น บางครั้งเราออกสินค้าใหม่ เราอาจจะอยากพูดคุยกับลูกค้าประจำ ให้ได้รู้ข่าวก่อนเป็นต้น

3. รายละเอียดไม่หล่นหาย เพราะใช้ Note 

คงจะไม่สนุกนัก ถ้าสั่งสินค้าร้านไหน แล้วต้องคอยบอกข้อมูลเดิมๆ (เช่น ที่อยู่จัดส่งหรือเบอร์โทร) ซ้ำทุกครั้ง

ดังนั้น ในฐานะเจ้าของร้าน การจดบันทึกข้อมูลสำคัญของลูกค้าเพื่อให้แอดมินสามารถนำมาใช้งานได้ง่ายๆ จึงสำคัญมาก

ซึ่ง LINE Official Account ก็มีฟีเจอร์ Note ที่ไว้ใช้สำหรับ ใส่รายละเอียดของลูกค้าแต่ละคนลงไป โดยใส่ได้สูงสุด 300 ตัวอักษร

ความเจ๋งของ Note คือ มันทำให้แอดมินสามารถ ‘ทัก’ หรือ ‘ทวน’ ข้อมูลของลูกค้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เช่น บางร้านค้า อาจจะถามถึงสินค้าที่ซื้อไปครั้งที่แล้ว หรือทวนที่อยู่จัดส่งลูกค้าได้ เพิ่มความประทับใจ แถมยังทำให้ร้านเราดูเป็นมืออาชีพมากขึ้นอีกด้วยค่ะ

4. Rich Menu

มาถึงอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทิปปลื้มมากๆ นั่นก็คือ Rich menu

Rich Menu คือ แถบข้อมูลที่จะปรากฏขึ้นเวลาที่เราเข้าไปใน LINE Official account ตรงใกล้แป้นพิมพ์ โดยจุดเด่นของ Rich Menu ก็คือ ผู้ใช้สามารถใส่ลิงก์ปลายทาง ( หรือ กำหนดแอ็คชั่น) ได้ สูงสุดคือ 6 ลิงก์ หรือ 6 แอคชั่น

สาเหตุที่ Rich Menu เป็นฟีเจอร์โปรดของทิปก็เพราะ นอกจากเราสามารถออกแบบมันให้สวยงาม ทำให้แบรนด์ดูดีมีสไตล์เหมือนแบรนด์ใหญ่ๆ ได้แล้ว เจ้า rich menu ยังเปรียบเสมือนแอดมินคนเก่งที่ทำงานแทนเจ้าของตลอด 24 ชม โดยเราสามารถใส่คำถามที่ลูกค้าชอบถามบ่อยๆ ลงไปได้ ทำให้เมื่อลูกค้าคลิกเข้าไปอ่านข้อมูลในแต่ละช่องแล้ว พอถึงเวลาคุยก็แทบจะปิดการขายได้ในทันที ช่วยลดการตอบคำถามของแอดมินลงไปได้เยอะมากกก

ตัวอย่าง

ร้านรองเท้า MAVE Shoes ที่มีการใช้ Rich Menu ในการสื่อสารกับลูกค้า จะเห็นว่านอกจากจะมีการใช้ Rich Menu ในการอัพเดทคอลเลคชั่นใหม่แล้ว ยังมีการทำ size guide ไว้ให้ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า ซึ่งเมื่อดูทุกอย่างจนพอใจแล้วก็สามารถกดคลิกเข้าไปในช่องสำหรับสั่งสินค้าได้เลยอีกด้วย (เรียกว่าครบและปิดการขายได้ตั้งแต่ Rich Menu กันเลยทีเดียว)

 
 

นอกจากนี้ ทางร้านยังมีการอัพเดท Rich Menu เรื่อยๆ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าเวลาเข้ามาแล้วได้เห็นอะไรใหม่ๆทุกครั้ง และได้เห็นสินค้าที่ทางร้านต้องการโปรโมทอย่างชัดเจน

อีกเคล็ดลับที่อยากฝากไว้ก็คือ ธุรกิจไหนที่มีการทำคูปองและบัตรสะสมแต้มไว้ อย่าลืมนำลิงค์มาใส่ไว้บน Rich Menu ด้วยอีกทางนะคะ จะได้ไม่พลาดโอกาสในการประชาสัมพันธ์โปรโมชั่นเจ๋งๆของเราไป

5. ตอบกลับเร็วกว่าใครด้วย Quick Replies

การสนองตอบแบบฉับไว นับเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ต้องการในยุคนี้ และ LINE Official Account ก็มีฟีเจอร์ที่จะช่วยให้แอดมินพิมพ์ตอบไวแบบรัวๆ กันไปเลย นั่นก็คือ ฟีเจอร์การตอบกลับด่วน (Quick Reply) นั่นเอง

ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้ฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Quick Reply ช่วยในการตอบกลับแบบรวดเร็ว โดยการสร้างคำตอบที่ต้องพิมพ์บ่อยๆ เก็บไว้ก่อน พอถึงเวลาแชท ก็กดเลือกแล้วส่งให้ลูกค้าได้เลย

 

                                  

ข้อความตอบกลับ (Quick Replies) สามารถสร้างเก็บไว้ได้สูงสุดถึง 200 ข้อความ ความยาวไม่เกิน 1,000 ตัวอักษร ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ไม่ควรพลาดจริงๆ เพราะสามารถช่วยให้การแชทคุยในแต่ละครั้งนั้น มีการตอบสนองที่รวดเร็ว ถูกอกถูกใจผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแน่นอน

เป็นอย่างไรบ้างคะ หวังว่าบทความนี้จะให้ไอเดียสำหรับแบรนด์แฟชั่นนำไปต่อยอดเพื่อสร้างฐานแฟนที่เหนียวแน่นของร้านได้อีกช่องทางหนึ่ง สำหรับเจ้าของแบรนด์ท่านใดที่อยากเริ่มใช้ฟีเจอร์ของ LINE Official Account แล้วสามารถสร้างบัญชีได้ฟรีที่ https://lin.ee/am4v3s

สำหรับผู้ใช้ LINEอยู่แล้ว สามารถย้ายไปใช้ LINE Official Account เพียงเข้าไปที่แอปฯ LINE ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://lin.ee/6OkCcYs

เขียนและเรียบเรียงโดยโค้ชทิป-มัณฑิตา จินดา 

LINE: @digitaltips 

Website: www.thedigitaltips.com

0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0