ปีนี้ ถือเป็นปีที่ผันผวนสำหรับสินค้าการลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน อย่างไรก็ตามข่าวร้ายได้ส่งผลบวกต่อสินทรัพย์การลงทุนที่ชื่นชอบความผันผวนอย่าง “ทองคำ” ที่สามารถปรับตัวขึ้นมาได้
อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ใหม่ที่ถูกจับตาว่าจะมาแทนที่สินทรัพย์การลงทุนดั้งเดิมอย่าง บิทคอยน์ สามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี โดยปรับตัวขึ้นกว่า 100% อย่างไรก็ตาม บิทคอยน์ ยังถูกตั้งคำถามว่าเป็นที่พึ่งในยามที่ตลาดผันผวนได้หรือไม่
สาเหตุที่เงินไหลเข้า บิทคอยน์ ยามที่เกิดความผันผวน เนื่องจากว่ามีคนบางกลุ่มที่เชื่อว่า บิทคอยน์ เป็น “Safe-Haven Assets” เหมือนอย่างทองคำ หรือสินทรัพย์ปลอกภัยอื่นๆ ที่มักจะถูกใช้เพื่อป้องกันและบริหารความเสี่ยงยามที่ตลาดหุ้นหรือเหล่าสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหลายเกิดความผันผวนหรือร่วงลงอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ ด้วย “ความผันผวน” ของราคา บิทคอยน์ ทำให้ยังไม่เป็นที่ยอมรับในวงกว้างว่าเป็น Safe-Haven Assets ต่างจาก “ทองคำ” ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งผู้คนและรัฐบาลทั่วโลก และหลายคนก็คิดว่าน่าจะจัดอยู่ในกลุ่ม “สินทรัพย์เสี่ยง (Risk Assets)” มากกว่า
ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันสำหรับ บิทคอยน์ ยังคงเป็นเพียงสินค้าหนึ่งที่ใช้ในการ “เก็งกำไร” และสามารถใช้ในการ “ซื้อขายแลกเปลี่ยน(ในบางตลาด)” ได้เท่านั้น ซึ่งหากดูจากสถิติการเคลื่อนไหวของราคา บิทคอยน์ กระแสเงินส่วนใหญ่ยังคงเข้ามาเพื่อ “เก็งกำไร” และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มองว่า บิทคอยน์ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แล้วโยกย้ายเงินเข้ามาเพื่อ “ป้องกันความเสี่ยง”
สำหรับใครที่คิดจะโยกย้ายเงินเข้ามาใน บิทคอยน์ ในช่วงเศรษฐกิจโลกที่กำลังผันผวน ก็คงจะต้องศึกษา วิเคราะห์และวางแผนกันให้ดีเสียก่อน มีสติในการตัดสินใจ ที่สำคัญควรตระหนักไว้เสมอว่า กฎพื้นฐานของการเงินก็คือ ไม่มีสกุลเงินไหนที่มั่นคงปลอดภัย 100% มูลค่าของ บิทคอยน์ รวมถึงสกุลเงินดิจิตัลต่างๆ อาจจะตกลงได้ทุกเมื่อ เนื่องจากตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ผลตอบแทนการลงทุนตั้งแต่ต้นปี2019 สิ้นสุดเดือนกันยายน
บิทคอยน์ 114%
S&P500 21%
ทองคำ 17%
SET Index 4.7%
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : เตือน!!อ้างชื่อ ก.ล.ต.-เอไอ หลอกลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล
