โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

บล.กสิกร แนะ 2 หุ้นเด่น ได้ผลดีจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

Businesstoday

เผยแพร่ 18 ก.พ. 2563 เวลา 07.42 น. • Businesstoday
บล.กสิกร แนะ 2 หุ้นเด่น ได้ผลดีจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

บล.กสิกรแนะ 2
หุ้นเด่นได้อานิสงส์จากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประกอบด้วย AOT
และ KCE ประเมินการประชุม กนง.รอบถัดไปมีโอกาสลดดอกเบี้ยนโยบาย
0.25%
*จากเศรษฐกิจไทยไตรมาส
4 ขยายตัวต่ำกว่าคาด และภาคการท่องเที่ยวโดนผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
*

นายภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศจีนเริ่มมีท่าทีที่ดีขึ้น
เนื่องจากยอดผู้ต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อที่เข้ารับการตรวจโรคลดลง
โดยปัจจุบันลดลงเหลือ 1.4 แสนราย จากเดิม 1.9 แสนราย ณ วันที่ 7 ก.พ.2563
ซึ่งจำนวนผู้เข้าตรวจโรคพบผู้ติดเชื้อเพียง 7% เท่านั้น ขณะที่อัตราการเสียชีวิตยังอยู่ในระดับ
2-3% โดยเป็นอัตราไม่สูงมากนัก
ซึ่งคาดว่าภาคเอกชนของจีนจะเริ่มกลับมาทำงานเต็มรูปแบบได้ในช่วงต้นเดือน มี.ค.2563

อย่างไรก็ตาม การท่าอากาศยาน
คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงเดือน ต.ค.2562 - ก.ย.2563 ติดลบ 8-10%
แต่จะไปฟื้นตัวในช่วงเดือน เม.ย.2563
ซึ่งการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 น่าจะจบลงแล้ว ประกอบกับรัฐบาลส่งสัญญาณกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยการฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีน
และอินเดีย อีกด้วย

จากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
ในปัจจุบัน แนะนำการลงทุนในหุ้น AOT เนื่องจากโดนผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น
แต่ในระยะยาวยังมีโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่คาดแล้วเสร็จช่วงปี 2564
จะทำให้รองรับผู้โดยสารเพิ่มได้อีก 30-40 ล้านรายต่อปี นอกจากนี้ยังมีการรับรู้รายได้จาก
King Power เต็มปีอีกด้วย
ส่วนหุ้นที่น่าสนใจในระยะสั้นคือ KCE ที่ได้รับประโยชน์จากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
เนื่องจากมียอดออเดอรืเพิ่มขึ้น จากการหยุดงานของภาคการผลิตในประเทศจีน

ขณะเดียวกัน
ปัจจัยในประเทศอย่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ที่ใกล้ได้รอบเบิกจ่าย จะส่งผลให้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น
ซึ่งที่ผ่านมาผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงจากจำนวนการออกพันธบัตรรัฐบาลที่ไม่มีการออกใหม่ในรอบ
5 เดือนที่ผ่านมา คาดว่าจะมีการออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 1.2 ล้านล้านบาท ชดเชยการขาดดุลจำนวน
4.6 แสนล้านบาท ในช่วงเดือน เม.ย.2563  แบ่งเป็นการรีไฟแนนซ์
5.6 แสนล้านบาท และออกพันธบัตรใหม่ 6.6 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ดี
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 เป็นช่วงย่ำแย่ของเศรษฐกิจไทย
จากการโดนผลกระทบไวรัสโควิด-19 โดยประเมินว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมรอบต่อไป
จากรายงานการปรับลด GDP ของสภาพัฒน์
และการขยายตัวของ GDP ไตรมาส 4/2563
ที่ 1.6% ต่ำสุดในรอบ 21
ไตรมาส

บล.กสิกร
ประเมินว่า GDP ไตรมาส 1/2563
จะขยายตัว 2% ลดลงจากประมาณการณ์เดิม
2.8% หรือ -1%
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนค่าเงินบาทสิ้นปี 2563 คาดว่าอยู่ในระดับ 30.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในช่วง
1-2 เดือนนี้ เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.00 บาท – 31.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ส่งผลถึงดุลบัญชีเดินสะพัด
แต่เมื่อการระบาดไวรัสโควิด-19 จบลง เงินบาทจะเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าอีกครั้ง

ทั้งนี้ ประเมินดัชนีตลาดหุ้นสิ้นปี 2563 ปิดที่ 1520 จุด – 1570 จุด แต่หากมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย, ไวรัสโควิด-19 จบลงก่อนเดือน เม.ย.2563 และมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ จะทำให้ดัชนีตลาดหุ้น ณ สิ้นปี 2563 เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1570 จุด – 1610 จุด

อ่านข่าวอื่น บลจ.ทิสโก้ แนะลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน- REITs รับภาวะดอกเบี้ยต่ำ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0