โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

บลจ.เมอร์ชั่น เปิดโผ 6 หุ้นเด่น ทิ้งทวนปี 62

Businesstoday

เผยแพร่ 09 พ.ย. 2562 เวลา 03.00 น. • Businesstoday
บลจ.เมอร์ชั่น เปิดโผ 6 หุ้นเด่น ทิ้งทวนปี 62

บลจ.เมอร์ชั่น
พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) แนะลงทุนหุ้นที่มี
OI ต่ำ ควบคู่กับงบการเงินดี
โดยมีหุ้นเด่นที่แนะนำ ประกอบด้วย TRUE, LH, AMATA, BCS, CENTEL และ CPALL

TPIPP จัดงานสัมมนาส่องหุ้นปีหน้าจะ 1800 หรือ 1400 ภายในงานมีการเสวนาหัวข้อ”เจาะลึกหุ้นร้อน”โดยมีนายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) และนายณัฐวัฒน์ อ้นรัตน์ นักวิเคราะห์ นักกลยุทธ์จาก บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็น

นายณัฐวัฒน์ กล่าวว่า ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทย
(SET Index) มีสัญญาณดีขึ้น เนื่องจากคาดว่าสหรัฐฯ และจีน สามารถตกลงกันเกี่ยวกับสงครามการค้าได้แล้ว
หากดูจากค่าเงินหยวนหากต่ำกว่าระดับ 7 หยวน/ดอลลาร์ หมายความว่าทุอย่างจบลงแล้ว นอกจากนี้ไม่กี่วันที่ผ่านมาดัชนีดาวโจนส์
แนสแดค ทำนิวไฮน์ และยังมีการสั่งสินค้าเพิ่มขึ้นที่ใต้หวัน ส่วนเกาหลีใต้ และเยอรมัน
เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ประกอบกับพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี เริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้หุ้นขึ้นทั่วโลกดีขึ้น
รวมถึงหุ้นไทยด้วยเช่นกัน

ขณะที่
SET Index ทั้งปี 62
เคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 1600 -1700 จุด ซึ่งปัจจัยที่ทำให้หุ้นไทยขึ้นและลงคือนักลงทุนต่างชาติ
แต่ปัญหาขณะนี้คือพอเจอ 1600 จุด แล้วนักลงทุนเกิดความกลัว โดยไม่เข้าใจคำว่าไซด์เวย์เทคนิคอล
นั่นหมายความว่าหุ้นจะขึ้นจะลงก็อยู่ในกรอบไม่ขึ้นและลงทะลุกรอบเป้าหมาย ดังนั้นการเทรดหุ้นจำเป็นต้องเลือกจังหวะในการเทรด

ด้าน
นายประกิต

กล่าวต่อว่า เชื่อว่าถัดจากนี้ต้องมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น และต้องเป็นธีมใหญ่ในปี
63 โดยสงครามการค้าทำให้เกิดสงครามค่าเงิน และใช้นโยบายค่าเงินผ่อนคลาย
เพราะเงินหยวนเป็นค่าเงินแรกที่อ่อนค่าไปก่อนดอลลาร์ ทำให้ ยูโร และเยน พยายามทำให้ตัวเองอ่อนตัวตามไปด้วย
โดยการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย ด้วยการพิมพ์แบงค์ซื้อสินทรัพย์ และลดดอกเบี้ยนโยบาย

ล่าสุด
ญี่ปุ่น พร้อมใช้ทุกมาตรการเพื่อประครองเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังส่งสัญญาณว่าเครื่องมือไม่มีแค่การลดดอกเบี้ยนโยบายเท่านั้น
ซึ่งรัฐบาลพร้อมจะใช้นโยบายการคลังพร้อมกับนโยบายการเงินควบคู่กันไปด้วย
หมายความว่าประเทศที่กู้เงินจากธนาคารกลางของประเทศตัวเองได้ จะต้องนำเงินกู้ไปลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
และกระตุ้นเศรษฐกิจ ตราบใดที่เงินเฟ้อยังอยู่ระดับต่ำก็สามารถทำได้ ซึ่งธีมนี้จะเป็นธีมยอดฮิตในปี
63

สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือสภาพคล่องในปี
63 จะเกิดขึ้น รวมไปถึงรัฐบาลแต่ละประเทศจะกู้เงินมากขึ้นจากภาวะดอกบี้ยต่ำ
แม้ว่าหนี้จะพุ่งขึ้นทุกวันแต่ก็สามารถทำรายได้ดีกว่า เนื่องจากทุกประเทศของโลกจีดีพี
4 ไตรมาสล่าสุดต่างหดตัวด้วยกันทั้งนั้น ทำให้ทุกประเทศต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจกันมากขึ้นจากนโยบายรัฐ
และจะทำให้หุ้นดีขึ้นไปด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม
สภาวะนักลงทุนกลัวความเสี่ยงจะอยู่อีกไม่นาน ขณะเดียวกันปัญหาเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นแน่นอน
แต่จะไม่เกิดขึ้นด้วยภาวะสงครามการค้า แต่จะเกิดขึ้นจากนโยบายผ่อนคลายค่าเงิน
และการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลต่าง ๆ จะมีฟองสบู่เกิดขึ้น

ปี
63 คาดว่าเราจะเห็นสภาพคล่องไหลเข้าประเทศไทย โดยจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย แต่หลังจากหุ้นไทยขึ้นไปแล้วนักลงทุนต้องระวังฟองสบู่ใน
ETF คือการซื้อดัชนีหุ้น
ซึ่งกำลังจะเกิดเหตุการณ์ไม่เล่นหุ้น แต่หันมาเล่นดัชนีแทนและจะเล่นเป็นธีม
เช่นซื้อธีมเอไอเพราะเห็นว่ากระแสเทคโนโลยีกำลังมา ทำให้เงินจะไปกระจายในหุ้นเอไอ
พอเงินไปอยู่ในกลุ่มดังกล่าวเยอะขึ้น แล้วหุ้นธีมเอไอไม่มีการเติบโตอาจจะทำให้ระเบิดได้
เป็นสิ่งที่ต้องระวังในช่วงปี 63

ทั้งนี้
เชื่อว่าหุ้นไทยจะสามารถขึ้นแตะระดับ 1780 จุด ภายในช่วงเดือนมีนาคม 63 เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาดีจากโบรกเกอร์ต่างประเทศทำการอัพเกรดกำไรกลุ่มธนาคารของประเทศไทย
แปลว่าต้องมีมุมมองที่ดีกับเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้น ทำให้กำไรบริษัทจดทะเบียนที่ไม่ดีจะหยุดที่
96 บาท/หุ้น และปี 63 คาดว่าจะหยุดที่ 106 บาท/หุ้น นั่นหมายถึงมีการเติบโตขึ้นกว่า
10% โดยจะทำให้เกิดแรงซื้อมากขึ้น

ส่วนกลยุท์การลงทุนในช่วงนี้
แนะนำว่าช่วงเดือนพฤศจิกายน ยังมีปัจจัยเสียงในช่วงกลางเดือน ดังนั้นอาจลงทุนระดับ
50-60% แล้วจึงค่อยลงทุนเต็มที่ช่วงเดือนธันวาคม
เนื่องจากไม่มีปัจจัยลบที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นแล้ว

สำหรับการเลือกลงทุนหุ้น
ควรเลือกหุ้นที่มี OI ต่ำ เพราะเห็นบทเรียนว่าบอคเทรดมีผลมาก ข้อดีของหุ้นที่มี OI ต่ำคือ พวกที่ชอบเล่นบรอคเทรดจะซื้อแล้วจะลากตาม โดยหุ้นที่แนะนำประกอบด้วย
TRUE, LH, AMATA, BCS, CENTEL และ CPALL ซึ่งเป็นหุ้น OI ต่ำและมีงบการเงินดี

อ่านข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง บล.ทิสโก้ เปิดโผ 5 หุ้นเด่นรับ กนง.ลดดอกเบี้ย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0