โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

[บทวิเคราะห์] เมื่อยอดวิววิดีโอบน Facebook เชื่อถือไม่ได้ แล้วเราควรไว้ใจ Facebook แค่ไหน?

Brand Inside

อัพเดต 21 ต.ค. 2561 เวลา 15.58 น. • เผยแพร่ 21 ต.ค. 2561 เวลา 08.20 น. • Thongchai Cholsiripong
shutterstock_240144466
shutterstock_240144466

ถ้าย้อนอ่านบทสัมภาษณ์ของผู้มีอำนาจใน Facebook ในช่วงรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ไม่ว่าจะ Mark Zuckerberg หรือผู้บริหารระดับสูงหลายคน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “วิดีโอคืออนาคต” เพราะโลกกำลังก้าวข้ามจากการอ่านตัวหนังสือไปสู่การดูวิดีโอ

  • ดังนั้น เหล่าบรรดาคนทำคอนเทนต์ทั้งหลาย ได้โปรดกระโดดเข้ามาแผ้วถางทางเพื่อผลิตคอนเทนต์วิดีโอกันเสียเถิด

เชื่อไหมว่าบริษัทผลิตคอนเทนต์หลายแห่ง โดยเฉพาะสื่อสำนักข่าวในต่างประเทศ ปลดนักเขียน (content writer) ออกจากบริษัทจำนวนมาก เพราะต้องการให้เหลือทีมที่โฟกัสเพื่อทำคอนเทนต์วิดีโอเป็นหลัก แต่ถึงตอนนี้ต้องบอกว่า เหตุการณ์อาจไม่เป็นเช่นที่คิด เพราะยอดวิววิดีโอบน Facebook ดูเหมือนจะเชื่อถือไม่ได้ และวิดีโออาจไม่ใช่อนาคตอย่างที่ Facebook ทำนายไว้

อย่างไรก็ตาม ลองมาวิเคราะห์กันดูว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร แล้วเราในฐานะผู้ที่อยู่ในระบบนิเวศของ Facebook ควรจะปรับตัวกันอย่างไร?

Facebook
Facebook Photo: Shutterstock

เมื่อยอดวิววิดีโอบน Facebook เชื่อถือไม่ได้

เรื่องยอดวิวของ Facebook มีปัญหาเริ่มต้นมาจากเหล่านักโฆษณาที่รวมตัวกันฟ้องร้อง Facebook ต่อศาลในแคลิฟอร์เนีย ด้วยข้อหาที่ว่า Facebook ล้มเหลวในการวัดยอดวิวบนแพลตฟอร์มของตัวเอง ไม่ว่าจะยอดวิวที่เฟ้อและไม่สะท้อนความเป็นจริง ส่งผลต่อความไม่เป็นธรรมในการทำธุรกิจของนักโฆษณาและผู้ที่เกี่ยวข้อง

แต่ที่เป็นประเด็นคือ ดูเหมือนว่า Facebook รับรู้ความผิดพลาดของตัวเองดีอยู่แล้ว แต่เลือกที่จะไม่แก้ปัญหา โดยปล่อยให้ความผิดพลาดดำเนินต่อเนื่องไปเป็นปีๆ และไม่มีทีท่าว่าจะแก้ไข จนกระทั่งเรื่องแดงออกมา พร้อมทั้งมีข้อมูลยืนยันชัดเจน จึงยอมรับความผิดพลาด

  • Facebook ยอมรับว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้นจริงในปี 2016 แต่ด้านผู้ฟ้องให้ข้อมูลว่า Facebook รับรู้ปัญหานี้ตั้งแต่ปี 2015 แล้ว แต่เลือกที่จะไม่แก้ไข โดยออกมายอมรับความผิดพลาดในอีกประมาณ 1 ปีให้หลัง

สำหรับประเด็นนี้ Facebook ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ส่วนด้านของโฆษกพยายามแก้ข่าวด้วยการระบุว่า “เรารายงานลูกค้าของเราทันทีเมื่อพบความผิดพลาด พร้อมทั้งอัพเดทศูนย์ช่วยเหลือและแก้ปัญหา (Help Center) เพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย”

ยอดวิววิดีโอบน Facebook ผิดพลาดอย่างไรบ้าง?

The Wall Street Journal เป็นสื่อแรกที่นำเสนอเรื่องนี้ โดยอ้างอิงข้อมูลจากนักโฆษณาที่เปิดเผยว่า ยอดวิววิดีโอบน Facebook ไม่ถูกต้อง เพราะสูงกว่าความเป็นจริงประมาณ 60 – 80% และที่หนักกว่านั้นคือ มีนักโฆษณาที่ยื่นฟ้องบางรายระบุว่า ยอดวิวบน Facebook เฟ้อกว่าความเป็นจริงถึง 900%

นอกจากนั้น ยังมีข้อมูลด้วยว่า ความผิดพลาดของระยะเวลาในการดูวิดีโอบน Facebook มีอัตราการเฟ้อที่สูงมาก ยกตัวอย่างเช่น จากค่าเฉลี่ยที่ดูวิดีโอเพียง 2 วินาที แต่ Facebook คำนวณเป็น 17.5 วินาที (สูงกว่าความเป็นจริง 775%) หรืออีกครั้งหนึ่งมีค่าเฉลี่ยการดูวิดีโอเพียง 2.4 วินาที แต่ Facebook คำนวณเป็น 17.3 วินาที (สูงกว่าความเป็นจริง 621%)

  • ตัวเลขด้านบนนี้น่าจะมีเค้ามูลของความจริงอยู่ไม่น้อย เพราะ Facebook ไม่ได้ออกมาปฏิเสธในประเด็นนี้แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม เรื่องของคดียังต้องติดตามกันต่อไป แต่คำถามสำคัญคือ ต่อจากนี้เราควรจะไว้ใจลงทุนกับวิดีโอบน Facebook มากน้อยแค่ไหน?

Video วิดีโอ
Video Photo: Shutterstock

วิดีโอคืออนาคตจริงหรือ?

อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า สื่อหลายสำนักในต่างประเทศได้ปลดพนักงานที่เป็นนักเขียน แล้วหันไปโฟกัสกับการทำวิดีโอไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่น Vice Media สื่อที่โดดเด่นด้านวิดีโอรายหนึ่งในตลาดเพิ่งปลดพนักงานออกไป 2% จาก 3,000 คน หรือประมาณ 60 คน เพื่อเอาเงินไปลงกับการทำวิดีโออย่างหนัก นอกจากนั้นสื่ออย่าง Mic และ Fox Sports ก็ประกาศชัดว่าได้โยกย้ายทรัพยากรและรูปแบบธุรกิจออกจากการเขียนไปสู่แพลตฟอร์มวิดีโอ

ไม่แปลกที่สื่อหลายสำนักจะพร้อมใจบุกวิดีโอกันอย่างหนักหน่วง เพราะ Facebook สร้างความมั่นใจไว้หลายครั้งว่าวิดีโอกำลังมา ดูได้จาก Zuckerberg ที่เคยบอกไว้หลายต่อหลายครั้งแล้วว่าวิดีโอคืออนาคต “และเรากำลังเข้าสู่ยุคทองของวิดีโอ”

ส่วนอีกหนึ่งคนที่สำคัญคือ Nicola Mendelsohn รองประธานของ Facebook ฝั่งยุโรปที่เคยบอกไว้เช่นกันว่า “เราเห็นมาหลายปีแล้วว่า สื่อแบบตัวอักษรกำลังตกต่ำลง และเราก็เห็นว่าสื่อที่กำลังมาแรงอย่างมากคือ รูปภาพและวิดีโอ ดังนั้นถ้าให้ผมพนันตอนนี้ ผมก็บอกได้เลยว่า มันต้องเป็นวิดีโอ วิดีโอ และวิดีโอ”

Mendelsohn บอกด้วยว่า “วิธีการเล่าเรื่องที่ดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะยุคที่มีข้อมูลท่วมท้นแบบนี้ คือการเล่าเรื่องผ่านวิดีโอ เนื่องจากวิดีโอคือวิธีการย่อยข้อมูลและนำเสนอได้ไวที่สุด”

  • แต่คำถามก็คือ วิดีโอคืออนาคตอย่างที่เหล่าบรรดาผู้นำของ Facebook บอกจริงหรือ?

มีงานวิจัยของ Pew Reserch Center ที่ไปศึกษาการเสพสื่อของคนอเมริกันในปี 2016 พบว่า ในสหรัฐอเมริกาคนที่เสพข่าวผ่านวิดีโอมากที่สุดคือกลุ่มคนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ในขณะที่กลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 18-29 ปีเป็นกลุ่มที่นิยมเสพข่าวจากการอ่านมากที่สุด

Pew Reserch Center
Photo: Pew Reserch Center

คำพูดของผู้บริหารที่ไม่ว่าจะเก่งกล้ามาจากไหน ก็อาจเทียบไม่ได้กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นผ่านสถิติและข้อเท็จจริง เพราะจากข้อมูลข้างต้น เราอาจตั้งคำถามต่อได้ว่า “หรือว่าวิดีโอจะไม่ใช่อนาคต” ตามอย่างที่ Facebook เคยบอกไว้ เพราะคนที่เสพข่าวผ่านรูปแบบวิดีโอมากที่สุดไม่ใช่คนรุ่นใหม่ แต่กลับกลายเป็นคนรุ่นก่อน และที่มากกว่านั้น คนที่อ่านข่าวผ่านตัวอักษรมากที่สุดคือคนรุ่นใหม่ๆ ที่มีอายุอยู่ในช่วง 18-29 และ 30-49 ปีตามลำดับ

Photo: Pew Reserch Center
Photo: Pew Reserch Center

หลังจากนี้ เราควรไว้ใจ Facebook แค่ไหน?

เริ่มต้นปี  2018 Facebook สั่งปรับอัลกอริธึ่ม News Feed เพื่อลด Reach จากเพจต่างๆ ลง และถ้าใครยังจำกันได้ เมื่อช่วงต้นๆ ของปี 2018 เช่นเดียวกัน มีข่าวใหญ่ที่สืบเนื่องจากข่าวข้อมูลบัญชีผู้ใช้งานของ Facebook หลุด นำไปสู่การสอบสวนผ่านสภาในระดับชาติ

เหตุการณ์เหล่านี้ เชื่อว่าทุกคนน่าจะเห็นตรงกันว่า Facebook ได้สูญเสียความน่าเชื่อถือไปมาก ทั้งจากผู้บริโภคและผู้ผลิตคอนเทนต์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะสื่อสำนักข่าว คนทำเพจ หรือแบรนด์ต่างๆ

แต่ถ้าพูดถึงเฉพาะเรื่องวิดีโอ ต้องบอกว่าสูตรของ Facebook คือ “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” หรือบางทียังไม่เสร็จศึกก็เผลอฆ่าขุนพลและเบี้ยตัวเล็กตัวน้อยไปเสียแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงที่ Facebook ดัน Facebook Live มากๆ ก็ใช้เงินจ้างสื่อสำนักข่าวและคนทำคอนเทนต์รายใหญ่ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปมีคนเริ่มใช้งานอย่างกว้างขวางแล้ว Facebook ก็เลิกจ้าง (ตรงนี้ยังพอเข้าใจได้)

แต่ที่ร้ายคือ Facebook สั่งปรับอัลกอริธึ่มมาในเวลาเดียวกัน ทำให้ Reach จากเพจต่างๆ ลดลง ส่งผลต่อสื่อหลายสำนักที่ทุ่มทุนกับวิดีโอไปอย่างหนักหน่วง มีตั้งแต่ขาดทุน ไปจนถึงเลิกจ้างทีมวิดีโอเลยก็มี ดูอย่าง Vox ที่ตั้งทีมวิดีโอจริงจัง เพราะเชื่อคำของ Facebook แต่เมื่อลงไปทำจริงๆ รายได้ไม่ได้ดีอย่างที่คิด จนทำให้ต้องปลดพนักงานครั้งใหญ่ อ่านรายละเอียดได้ที่ พิษสงจาก Facebook ปรับ News Feed ทำสื่อออนไลน์รายใหญ่เตรียมปลดพนักงาน 50 ตำแหน่ง

โดยสรุป (ตามความเห็นของผู้เขียนบทความ) เชื่อว่าถ้าใครได้อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ น่าจะได้คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า *เราควรจะไว้ใจ Facebook ได้แค่ไหน? *

แต่ถึงที่สุดแล้ว นี่คือบ้านของเขา(Facebook) เราเพียงเช่าเขาอยู่ เขาจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดย่อมเป็นสิ่งที่เราคาดเดาได้ยาก ดังคำที่หลายคนเคยพูดไว้และยังคงเป็นความจริงอยู่ นั่นก็คือ “อย่าฝากทุกลมหายใจไว้ที่ Facebook” 

วันนี้เขารักวิดีโอ พรุ่งนี้เขารักบทความ แต่อีกวันเขาอาจจะรักรูปภาพ เราไม่มีทางรู้ได้แน่ ฉะนั้น คนทำคอนเทนต์จึงต้องหาลู่ทางอื่นไว้อย่างหลากหลาย ทั้งในแง่รูปแบบคอนเทนต์ และแพลตฟอร์มโดยเฉพาะเว็บไซต์หรือหน้าบ้านของตัวเอง

บทความแนะนำอ่านเพิ่มเติม

ข้อมูล – WiredNiemanlabFastcompanyThe Wall Street JournalPew Research

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0