โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

บทวิเคราะห์ : พลังเบื่อ "ลุงตู่" ระบาดหนัก "โซเชียล" ...ไหนว่าจะทำตามสัญญา

มติชนสุดสัปดาห์

เผยแพร่ 19 มิ.ย. 2561 เวลา 01.40 น.
ในประเทศศศ

เป็นห้วงเวลาที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กลับมามีอารมณ์ร้อนอีกครั้งผ่านการให้สัมภาษณ์ โดยเฉพาะในสัปดาห์ก่อน

ตั้งแต่เรื่องนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ ที่เจอมติเสียงส่วนใหญ่ของ กกต. ชี้ว่าขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี หลังภรรยาถือหุ้นเกิน 5% โดยไม่ได้แจ้ง ป.ป.ช. ทราบ โดยส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ทำให้เกิดการมองข้ามช็อตไปว่า นายดอนจะแสดงสปิริต “ลาออก” หรือไม่

แน่นอนว่านายดอนตอบเพียงสั้นๆ ว่า คำตอบอยู่ที่ใบหน้า และให้ไปหาสปิริตกับนักกีฬาแทน

ทำให้มีการมองไปอีกว่าจะมีการปรับ ครม. หรือไม่ จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์อารมณ์ร้อนไม่น้อยกับคำถามนี้ แม้จะยืนยันเสียงแข็งว่า “ไม่มีปรับ ครม.” ก็ตาม

ผ่านมาไม่ถึง 2 วัน พล.อ.ประยุทธ์ไปชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2562 ในที่ประชุม สนช.ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง โดยสื่อออนไลน์ได้ถ่ายภาพสมาชิก สนช. ขณะนั่งหลับในการประชุม

จึงเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์หนักขึ้น จนสื่อต้องนำมาถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่าจะทำอย่างไร เพราะ สนช. หลับขณะที่ชี้แจงร่างกฎหมายที่มีความสำคัญ เป็นเรื่องงบประมาณกว่า 3 ล้านล้านบาท

ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์มีอาการดุดันกับสื่อไม่น้อย อย่าลืมว่า สนช. เหล่านี้มาจากการแต่งตั้งของหัวหน้า คสช. นั่นเอง

อีกทั้งเป็นห้วงสัปดาห์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับเปิดใจว่ามีการโจมตีตำแหน่งนายกฯ ทำให้เสื่อมเสียเกียรติและศักดิ์ศรี ผ่านการให้ร้าย และใช้คำผรุสวาทในโซเชียลมีเดีย

ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็ยอมรับตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มีความผิดเดียวคือ มีความเป็นมนุษย์สูง ที่รู้สึกโกรธหรือโมโห มีความผิดพลาด ไม่ใช่เทวดา

แต่ยืนยันตั้งใจทำงานเพื่อประเทศ

พร้อมย้ำว่าไม่ได้ต่อสู้เพื่อจะไปสู่ตำแหน่งที่ตนไม่อยากเป็นมาก่อน หรือเพื่อจะรักษาอำนาจและผลประโยชน์

แน่นอนว่าครั้งนี้มีเรื่องมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวถึงการนำเสนอข่าวต่างๆ โดยข่าวหนึ่งที่ถูกหยิบขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์กันคือ ข่าวการเดินทางทวีปยุโรปและสหรัฐของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยเป็นลักษณะของภาพคู่กันเสมอ

ยังไม่จบแค่นี้ ในสังคมออนไลน์ยังมีการพูดถึง “บิ๊กตู่” หรือ “ลุงตู่” ของคนทั่วๆ ไปด้วย ผ่านการแสดงความเห็นหรือผ่านการทำเป็นสื่อบันเทิง เช่นกรณีการแสดงคอนเสิร์ตของ “ติ๊ก ชิโร่” และ “ไข่มุก” รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช ขณะร้องเพลงในลักษณะเมดเล่ย์ นำเพลง “ก็เคยสัญญา” ต่อด้วยเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” มาปรับแต่งและร้องประกอบดนตรี

โดยมีท่อนหนึ่งว่า

“เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วความรักที่งดงามจะคืนกลับมา อีกไม่นานพี่รับรอง ขอให้รออย่างไว้ใจ เดี๋ยวความรักที่หายไปจะคืนกลับมา เพื่อนำรักกลับมาต้องใช้เวลาเท่าใด เพื่อนำรักกลับมาพี่มีเวลาน้อยไป โปรดจงรอได้ไหม จะรีบอะไรหนักหนา พี่จะทำตามสัญญา ขอเวลาต่อเรื่อยไป แล้วเมื่อไหร่ความรักเราจะคืนกลับมา ถ้าไม่ทำอย่างซื่อตรง น้องก็คงไม่ไว้ใจ หมดศรัทธา ความรักจะดีในไม่ช้า ขอเพียงพวกเราทำท่า ซารังเฮโย” ซึ่งได้รับเสียงปรบมืออย่างมากจากผู้ชม

ซึ่งฝั่งสมาชิกพรรคเพื่อไทยก็นำมาแชร์กับแฟนคลับต่อ

แต่อย่าลืมว่าการแต่งเพลงล้อไม่ได้เพิ่งมาเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยมี คสช. ใหม่ๆ แล้ว นำโดย “โน้ส” อุดม แต้พานิช เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์รู้หรือไม่คนชอบนำเพลงนี้มาล้อเลียน

คำตอบคือรู้แน่นอน และนายกฯ เคยนำมาล้อในเพลงตัวเองด้วย ผ่านเพลง “สะพาน” เมื่อต้นปี 2560 ที่แต่งให้ “ครม.ประยุทธ์” ที่มีท่อน “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน และแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา”

ซึ่งทำให้สื่อต้องไปถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่าทำไมถึงมีท่อนนี้ ว่า พูดไปแล้วจะต้องทำตามสัญญา คือการนำไปสู่ประชาธิปไตย ขั้นตอนคืออะไร ก็พูดไปแล้ว ไม่ต้องมาทวงสัญญา ว่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน

ยังไม่จบแค่นี้ ยังมีเรื่องการแชร์คลิปวิดีโอล้อเลียนการทำงานของรัฐบาลประกอบเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทยของนิสิตที่ลงเรียนวิชาในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในโลกออนไลน์ด้วย

ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงผ่าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไร โดยเฉพาะกับนิสิตที่ต้องทำตามคำสั่งของอาจารย์ แต่รู้สึกเป็นห่วงที่เด็กต้องกลายเป็นเหยื่อของผู้ใหญ่ที่ไม่หวังดี นำเรื่องการทำงานเพื่อประเทศชาติมาล้อเล่นอย่างไม่เหมาะสม

“ทราบว่านิสิตที่ทำคลิปดังกล่าวได้ออกมาขอโทษสังคมแล้ว เพราะเจตนาที่แท้จริงเพียงแค่ต้องการทำงานส่งอาจารย์เท่านั้น และอยากให้ผู้ที่แชร์ออกไปช่วยลบคลิปดังกล่าวด้วย เนื่องจากนิสิตไม่อยากให้กลายเป็นประเด็นดังในสังคม โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองกำลังคุกรุ่น แต่สังคมควรตั้งคำถามกับอาจารย์วิชาการเมืองการปกครองที่มอบหมายให้เด็กทำคลิปมากกว่า ว่าทำไมจึงใช้เด็กเป็นเครื่องมือทางการเมือง และการกระทำดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ เพราะสังคมคาดหวังอย่างมากว่าครูอาจารย์ต้องมีจรรยาบรรณที่ดี เป็นผู้ปลูกฝังสิ่งดีงามให้แก่ลูกศิษย์ และไม่ยุยงปลุกปั่น สร้างความเกลียดชังในบ้านเมือง”

พล.ท.สรรเสริญกล่าว

กลายเป็นประเด็นพวกนี้ถูกมองไปที่การ “ถูกใช้เป็นเครื่องมือ” และ “ยุยงปลุกปั่น” แทน แน่นอนว่าในคลิปเองก็เป็นการตั้งคำถามของนิสิตกลุ่มนี้ ที่สื่อสารใช้ภาษาตรงไปตรงมา ไม่เป็นทางการมากนัก มีการใช้คำสแลงด้วย แต่สำคัญว่ามาเกิดกับ “ปัญญาชน” ก็สุดแท้แต่มุมมองของแต่ละคน

แต่สำคัญว่า “พลังปัญญาชน” กับ “พลังชนชั้นกลางในเมือง” เคยเปลี่ยนแปลงสังคมมาแล้วในอดีตยุคเดือนตุลาคม มาถึงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ยุคการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และ กปปส. ก็เป็นชนชั้นกลางในเมือง ฐานเสียงของคณะรัฐประหารเดิมนั่นเอง

ซึ่งการล้อหรือเสียดสีดังกล่าวได้ทำผ่าน “บทเพลง” หรือ “การแสดง” ในรูปแบบที่ไม่ได้เข้าถึงได้ทุกคนหรือในระดับแมส (Mass) ยกเว้นนำมาลงในโซเชียลมีเดียที่ไร้พรมแดนและต้นทุนต่ำ และยังไม่นับรวมถึงเพจการเมืองต่างๆ ที่มีภาพล้อเลียนเสียดสีอยู่ตลอดด้วย

อีกทั้งมาในช่วง คสช. ครบ 4 ปี ย่างสู่ปีที่ 5 แน่นอนว่าระยะเวลา 5 ปี สำหรับคนหนึ่งคนถือเป็นระยะเวลาที่สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้พอสมควร เช่น กำลังแอดมิดชั่นส์จนถึงเรียนจบมหาวิทยาลัย หรือเรียนจบหลักสูตร 5 ปี ได้เลื่อนขั้นทางราชการ หรือเลื่อนยศทางทหาร-ตำรวจ 1-2 ขั้น เป็นต้น

จึงเกิดคำถามต่างๆ ว่า ระยะเวลา 5 ปี นานไปหรือไม่

แต่อีกมุมก็เกิดสภาวะ “ความเบื่อ” ของคนในสังคม ที่อยากจะลองเปลี่ยนแปลง ลองของใหม่บ้าง เพราะเป็นเรื่องของความรู้สึก ผสมกับสภาวะเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาตลอด 4 ปี ที่สุดท้ายแล้ว คสช. ก็ไม่ต่างจากบรรดานักการเมือง เข้าสำนวนที่ว่า “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” กลับยิ่งเป็นการโหมไฟ “พลังความเบื่อ” เข้าไปอีก

มาพร้อมแรงสะกิดเตือนของ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่เตือนในช่วงปลายปี 2560 ว่า พล.อ.ประยุทธ์กองหนุนลดลง ทำให้กลายเป็นจุดสูงสุดที่ คสช. จะต้องกู้กองหนุนกลับมา เพื่อฟื้นเรตติ้ง แต่ก็มาเจอกระแสต่างๆ ทัดทาน โดยเฉพาะเรื่องของคนกันเองที่มีเรื่องราวให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนัก ทั้งจากพี่น้องทหาร คนใกล้ชิดต่างๆ หรือคนใต้บังคับบัญชา หรือคนที่แต่งตั้งขึ้นมา อีกทั้งการทำผลโพลต่างๆ รายสัปดาห์ที่กระแสเรตติ้งขึ้นๆ ลงๆ ตามสถานการณ์ด้วย

“บางโพลก็บอกว่าคะแนนลุงตู่ลดลง แต่ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะคนไทยมีนิสัยขี้เบื่อ ปีแรกมองว่ายังดีและชื่นชม แต่พอปีที่สองเริ่มเบื่อหน้า พูดเยอะรำคาญ พอมาปีที่สามยิ่งเบื่อกันไปใหญ่” นายกฯ กล่าวเมื่อ 21 สิงหาคม 2560

แต่การลงพื้นที่ ครม.สัญจร จังหวัดพิจิตร-นครสวรรค์ พล.อ.ประยุทธ์ก็ใช้เวลานี้พูดคุยกับชาวบ้านพอสมควร ซึ่งการลงพื้นที่แทบทุกครั้งจะมีคนตะโกนให้อยู่ยาว 10 ปี หรืออยู่ต่อบ้าง ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องแก้เกี้ยวไม่น้อย เช่น จะอยู่ได้อย่างไร หรืออยู่แค่ 5 ปี พร้อมกับขออย่าลืมไปเลือกตั้ง ยึดตามโรดแม็ป เป็นต้น

ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้ดีว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง หลายคนเคยเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดหรือพอแค่นี้ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็เปิดใจกับชาวนครสวรรค์ว่า “ผมเองก็อยู่ภายใต้กฎหมายเหมือนทุกคน อย่าคิดว่ามีอำนาจมหาศาล คดีความมากมายรอผมอยู่ แต่ทุกอย่างก็สุดแล้วแต่ เพราะเข้ามาแล้วถอยหลังไม่ได้”

ถึงทาง 3 แพร่ง ไปต่อ หยุด ถอย!!

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0