"น้ำมันพุ่งแรงกว่า 10% ส่งผลอย่างไรต่อหุ้นไทย และเราควรจะลงทุนอย่างไรดี"
เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนเกี่ยวกับการก่อการร้ายโดยการส่งโดรนเข้าโจมตีพุ่งชนโรงกลั่นน้ำมันของ Saudi Aramco ยักษ์ใหญ่ทางด้านธุรกิจน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย
แน่นอนว่าซ่อุดิอาระเบียมีส่วนแบ่งการตลาดในการผลิตน้ำมันสูงที่สุดของโลก การก่อการร้ายครั้งนี้ทำให้ลดกำลังการผลิตน้ำมันลงไปถึง 5% เลยทีเดียว ทำให้ตอนเช้าของวันจันทร์น้ำมันเปิดตลาดพุ่งทีเดียว 15% ก่อนที่จะลดระดับลงมาเหลือเพียง 10% …. ถามว่าใครเป็นคนโจมตีซึ่งประเด็นนี้ยังไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด ว่ากันว่าเป็นกลุ่มกองกำลังติดอาวุธฮูติในประเทศเยเมน อีกฝ่ายก็อ้างว่ามีอิหร่านอยู่เบื้องหลัง ซึ่งยังต้องรอความชัดเจนกันต่อไป
ราคาน้ำมันที่พุ่งแรง ก่อนที่จะลดระดับราคาลงมา
ขอบคุณภาพจาก Bisnews Professional
แต่ถ้าถามว่าผลลบระยะสั้น จะเป็นอย่างไร … แน่นอนว่าราคาน้ำมันพุ่งแรงแบบนี้ ราคาน้ำมันในประเทศไทยจะต้องปรับตัวขึ้นอย่างแน่นอน ใครที่ขับรถผ่านปั้มน้ำมันก็ควรเติมน้ำมันไว้นะครับ อาจจะไม่ได้เห็นราคานี้ไปอีกนานเลยทีเดียว
… กลับมาที่ตลาดหุ้นไทยบ้านเรา เรื่องราวนี้จะกระทบต่อการลงทุนหุ้นไทยอย่างไร ?
บทวิเคราะห์ของ บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้จะหนุนให้ราคาน้ำมันดิบยืนเหนือบริเวณ 60 เหรียญได้ แต่จะยืนได้นานแค่ไหนนั้นยังไม่แน่ชัด แต่ประเด็นนี้จะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มสายการบิน วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มขนส่ง
กลุ่มสายการบิน : ต้นทุนสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แนะนำ Switch AAV และ BA รวมถึง ขาย THAI
กลุ่มวัสดุก่อสร้าง : ต้นทุนสูงขึ้น และทำให้พลังานประเภทอื่นๆสูงขึ้นไปด้วยไม่ว่าจะเป็น ถ่านหิน, ค่าไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ โดยเฉพาะ TASCO และธุรกิจผลิตปูนซีเมนต์มีองค์ประกอบของต้นทุนพลังงานประมาณ 60% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด
กลุ่มขนส่ง Logistic : ต้นทุนในการดำเนินงานสูงขึ้น โดยรวมเชื่อว่าจะเป็น Sentiment เชิงลบต่อ WICE และJWD
บล.หยวนต้า วิเคราะห์ว่า ข่าวดังกล่าวส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน แนะนำเก็งกำไร PTTEP PTT และ PTTGC โดยประเด็นที่ต้องติดตาม คือ
- โรงกลั่นน้ำมันของซาอุดิอาระเบียจะกลับมาผลิตน้ำมันได้เมื่อไร ใช้เวลาซ่อมแซมอีกนานไหม
- ความตึงเครียดระหว่างอเมริกา และประเทศในตะวันออกกลาง
- การตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจจะคว่ำบาตรประเทศในตะวันออกกลาง
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ เช่น PTTEP และ PTT นักลงทุนระยะกลางแนะนำว่า SET มีโอกาสปรับตัวใกล้ 1700 จุด ซึ่งเป็นจังหวะขายทำกำไร และรอสะสมหุ้นระยะกลางได้แก่ BDMS CHG SCB GPSC BEM AOT ADVANC STEC และ SCC
บล. ฟินันเซีย ไซรัส วิเคราะห์ว่าเป็นประเด็นบวกต่อ PTTEP TOP SPRC PTTGC IRPC ESSO โดยแนะนำเพียงเข้าเก็งกำไรเท่านั้นเนื่องจากประเทศในกลุ่ม OPEC ผลิตน้ำมันได้เกินโควต้าอยู่แล้ว สหรัฐเองก็เป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันได้มาก ถึงแม้ Supply ของราคาน้ำมันจะลดลงแต่ก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น อีกทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงทำให้ Demand มีแนวโน้มลดลงตามไปด้วย
นี้ก็ถือเป็นกลยุทธ์การเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ครับ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเป็นผลบวกต่อกลุ่มน้ำมันทั้งหมดโดยเฉพาะ PTT และ PTTEP แต่ประเด็นนี้จะเพิ่มความกังวลระหว่างท่าที่ของอเมริกาและประเทศในตะวันออกกลางที่จะเป็นปัจจัยปั่นป่วนตลาดหุ้นทั่วโลกได้อีก
อย่างไรก็ตาม บล. ฟินันเซีย ไซรัส วิเคราะห์แตกต่างกันออกไป โดยแนะนำเพียง"เก็งกำไร" ตามน้ำหุ้นพลังงานเท่านั้น
นักลงทุนแต่ละคนย่อมมีความเห็นแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เห็นเหมือนกัน คือ ราคาน้ำมันบ้านเราพุ่งขึ้นแน่นอน ใครยังไม่เติมก็ต้องเติมได้แล้วครับ จังหวะนี้น้ำมันจะไม่ถูกไปอีกนานเลย …
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
https://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000372534/ENERGY_SECTOR_Analyst_note_160919.pdf
https://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000372524/190916_Daily%20Strategy%20ATO_t.pdf
https://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000372519/190916daily.pdf
stock2morrow
ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่
