มาร์เก็ตวอตช์/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันปิดผสมผสานในวันจันทร์(1มิ.ย.) ทบทวนความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีน ปัจจัยนี้ฉุดทองคำปรับลดในกรอบแคบๆ ขณะที่วอลล์สตรีทปิดบวก ได้แรงหนุนจากข้อมูลทางเศรษฐกิจ เมินวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์ความไม่สงบในอเมริกา
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 5 เซนต์ ปิดที่ 35.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 48 เซ็นต์ ปิดที่ 38.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักลงทุนจับตาสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หลังบลูมเบิร์กรายงานในวันจันทร์(1มิ.ย.) ว่าปักกิ่งระงับนำเข้าถั่วเหลืองจากอเมริกบางส่วน ความเคลื่อนไหวที่เป็นไปได้ว่าจะก่อความแตกร้าวระหว่างสองชาติเพิ่มเติม ซึ่งจะก่อแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน
ความตึงเครียดระหว่างสองชาติพุ่งทะยานอีกครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯแสดงความโกรธเคืองต่อแนวทางรับมือกับโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ให่ของจีน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันศุกร์(29พ.ค.) ว่าเขาจะยุติสถานะพิเศษทางการค้าของฮ่องกง เนื่องจากจีนออกกฎหมายด้านความมั่นคงฉบับใหม่ที่ใช้กับเขตปกครองพิเศษแห่งนี้
อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันเบรนต์ลอนดอนปิดบวก หลังรายงานว่าบรรดาชาติผู้ผลิตหลักอาจพบปะกันเร็วกว่าแผนเดิมที่วางเอาไว้ เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการขยายกรอบมาตรการลดกำลังผลิตในปัจจุบัน
ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์(1มิ.ย.) ปิดลบในกรอบแคบๆ นักลงทุนทบทวนข่าวสารต่างๆทั้งความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนและเหตุประท้วงทั่วประเทศในอเมริกา รวมถึงข้อมูลบางอย่างซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1750,30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดห้นสหรัฐฯในวันจันทร์(1มิ.ย.) ปิดบวกเล็กน้อย ข้อมูลบวกทางเศรษฐกิจอเมริกา ช่วยกลับกระแสความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความตึงเครียดกับจีน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 91.91 จุด (0.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 25,475.02 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 11.42 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,055.73 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 62.18 จุด (0.66 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,552.05 จุด
ทำเนียบขาวร้องขอความสงบเรียบร้อย หลังทั่วสหรัฐฯต้องเผชิญกับการประท้วงรุนแรงยืดเยื้อมา 6 คืนติด อันมีชนวนเหตุจากการเสียชีวิตด้วยน้ำมือตำรวจของ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสี เหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่ประเทศแห่งนี้กำลังหัวหมุนกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19
"นักลงทุนส่วนใหญ่บอกว่าการประท้วงจะไม่ทำลายเศรษฐกิจ มีการปิดถนน แต่มันจะไม่เลวร้ายเท่าโรคระบาดใหญ่" นักวิเคราะห์ร้ายหนึ่งระบุ
ตลาดได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุน หลังผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) ระบุว่าดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 43.1 ในเดือนพฤษภาคม โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 43.0 ฟื้นตัวจากระดับ 41.5 ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี
ดัชนีภาคการผลิตได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน อย่างไรก็ดี ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัว ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO