นิวยอร์ก ขึ้นแท่นเมืองที่มีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่มากสุดในโลก

เปิดโผเมืองที่มีมหาเศรษฐีมากสุดในโลก นิวยอร์กคว้าแชมป์ มีมูลค่ารวม 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 9 ล้านล้านบาท มีมหาเศรษฐีพันล้านอาศัยอยู่ถึง 65 คน
รายงานจาก The Wealthiest Cities Worldwide in 2019 เผยรายชื่อเมืองที่มีมูลค่าความมั่งคั่งของทรัพย์สินจากมหาเศรษฐีที่อาศัยอยู่ พบว่า นิวยอร์ก เป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งมากสุดในโลก มีมูลค่ารวม 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 9 ล้านล้านบาท มีมหาเศรษฐีระดับพันล้านอาศัยอยู่ถึง 65 คน และมีมหาเศรษฐีระดับเงินล้านอาศัยอยู่ถึง 380,000 คน
10 อันดับเมืองที่มีมหาเศรษฐีอาศัยอยู่มากสุดในโลก
อันดับ 1 นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา มูลค่าความมั่งคั่ง 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 2 โตเกียว, ญี่ปุ่น มูลค่า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 3 ซานฟานซิสโก, สหรัฐอเมริกา และ ลอนดอน, อังกฤษ มูลค่า 2.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 4 ปักกิ่ง, จีน มูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 5 เซี่ยงไฮ้, จีน มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 6 ลอสแองเจลลิส, สหรัฐอเมริกา มูลค่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 7 ฮ่องกง มูลค่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 8 ซิดนีย์, ออสเตรเลีย มูลค่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 9 สิงคโปร์ มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อันดับ 10 ซิคาโก, สหรัฐอเมริกา และ มุมไบ, อินเดีย มูลค่าง 980 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ นิวยอร์ก เป็นที่ตั้งของตลาดหุ้นใหญ่ 2 แห่งของโลก ทั้ง Down Jones และ NASDAQ ขณะที่โตเกียว เป็นที่ตั้งของตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกอย่าง Nikkei
นอกจากนี้ยังพบว่า เมืองที่น่าจับตามองเนื่องจากคาดว่าจะมีการขยายตัวในช่วง10 ปีข้างหน้า ได้แก่ เมลเบิร์น (ออสเตรเลีย), เดลี (อินเดีย), ดูไบ, หางโจว (จีน), เทลอาวีฟ (อิสราเอล), บังกาลอร์ (อินเดีย) และโฮจิมินท์ (เวียดนาม)
สำหรับประเทศไทย แม้ไม่ติดอันดับดังกล่าว แต่ข้อมูลจากนิตยสาร Forbes Thailand ได้ระบุถึงความมั่งคั่งเศรษฐีไทยในปี 2019 พบว่า กลุ่มบุคคลที่ร่ำรวยที่สุด ได้แก่ ตระกูลเจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.95 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (9.41 แสนล้านบาท) ตามด้วย ตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งกลุ่มเซ็นทรัล มีทรัพย์สินสุทธิ 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (6.70 แสนล้านบาท) และ เฉลิม อยู่วิทยา แห่งกระทิงแดง มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.99 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (6.35 แสนล้านบาท)
ที่มา https://e.issuu.com/embed.html?u=newworldwealth&d=world_cities_2019