โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

นิยามความสำเร็จ - ศุ บุญเลี้ยง

TOP PICK TODAY

เผยแพร่ 07 เม.ย. 2563 เวลา 17.00 น. • ศุ บุญเลี้ยง

แบ๊งก์ห้าร้อยหนึ่งใบทำไมเรียกว่าความสำเร็จ 

มีหลายคนนิยม นิยามความสำเร็จเอาไว้ แล้วแต่ใครจะมองว่าความสำเร็จ เป็นเช่นไร

คนที่มีชื่อเสียงและเงินทองแล้ว ก็มักกล่าวว่าชื่อเสียงและเงินทอง หาใช่ความสำเร็จที่แท้จริงไม่ 

และบางคนก็มักเอ่ยเตือนว่า ไอ้ที่คิดว่าสำเร็จนั้นอาจจะไม่สำเร็จ เสียทีเดียว

หรือแม้จะสำเร็จแล้วก็ยังต้องก้าวต่อไป หาความสำเร็จใหม่ มันคืออะไรกันเล่าเจ้าความสำเร็จ

แล้วแต่ใครจะสรรหาคำ สรรหาตัวอย่าง ประสบการณ์มาอ้างเอ่ย

สำหรับข้าพเจ้า (ขอใช้คำว่าข้าพเจ้าหน่อยเหอะนะ)

เวลาใครถามนิยามความสำเร็จ

เคยบอกไปว่า การได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบนั้น ยังไม่เรียกว่าสำเร็จ

การได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ นั้นถือว่า โชคดี หรือ กำไรชีวิต

แต่ในนิยามความสำเร็จจริงๆ

นอกจากได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบแล้ว คนที่เราชอบ ต้องชอบสิ่งที่เราทำด้วย

.

เป็นสามห่วง สามเงื่อนไข ซึ่งต้องสัมพันธ์กัน

เริ่มจาก ทำสิ่งที่เราชอบ ถ้าคนอื่นไม่ชอบ ก็นับว่ายังไม่สำเร็จ

ส่วนถ้าคนที่เราไม่ชอบไม่แคร์ เขาไม่ชอบก็ช่างเขา 

แต่สำหรับคนที่เราชอบ หากเขาชอบสิ่งที่เราทำ นั่นแหละที่ควรจะเรียกว่า ความสำเร็จ

ชื่อเสียงกับเงินทอง ส่วนมากจะค่อยๆตามมา หรือเป็นการเก็บเกี่ยวระหว่างการเดินทางไปสู่ความสำเร็จ อันเป็นทรัพยากรเพื่อนำมาเสริมสร้างให้ความสำเร็จนั้นยั่งยืน

ส่วนจะยั่งยืนแค่ไหน แล้วเอาอะไรวัด ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน และรายละเอียดปลีกย่อยของชีวิต บางครอบครัวแต่งงานแล้วใช้การมีลูกวัด พอมีลูกครบดังตั้งใจก็บอกกับใครๆว่า ชีวิตครอบครัวประสบความสำเร็จ ทั้งๆที่ลูกที่เติบโตมาไม่รู้ว่าจะดีจะร้าย ก็ขอให้มีไว้ก่อน

.

เอาตัวอย่างง่ายๆจากการ เขียนต้นฉบับนี่ก็ได้ บางคนอาจจะชอบ บางคนอาจจะไม่ชอบก็เป็นไปได้

ซึ่งถ้าผมชอบเขียนหนังสือ แล้วคนที่ผมชอบ ชอบอ่าน อันนี้ก็นับว่าสำเร็จ 

บางคนว่าอ่านง่าย บางคนว่าสำนวนพี่เขานี่อ่านยากอยู่นา ไม่รู้ว่าจะบอกอะไรกันแน่ ก็ปรับแก้กันไปตามที่จะมีความสามารถ

(ส่วนการที่มีคนเข้ามาด่า ขอบอกว่าเนื่องจากข้าพเจ้าไม่ใช่เทวดา จึงอนุญาตให้ด่าได้ เพียงแต่การด่านั้นไม่ค่อยมีผลอันใดต่อการคิดการเขียนนัก แม้จะมีความพยายามด่าหยาบคาย ก็ยิ่งไม่ได้มีผลสะเทือนใจใดๆ ขอให้เชื่อเหอะว่า คนที่จะทำให้มีผลกระเทือน มีอิทธิพลต่อวิธีคิด คือคนซึ่งเสนอแนะหรือวิจารณ์อย่างตรงประเด็น ไม่จำเป็นต้องสรรหาคำหยาบคายมาว่า ยิ่งด่าหยาบยิ่งไม่รับ กลับคิดไปในทางตรงกันข้ามว่า ถ้าสิ่งที่เราคิดเราเขียนนั้นทำให้ คนโง่คนถ่อยไม่ชอบ แปลว่าเรามาถูกทางแล้ว)

.

เรื่องวงการบันเทิงก็เช่นกัน จะวัดว่าใครดังไม่ดัง นี่วัดยาก ทุกคนพอมีชื่อเสียงก็นึกว่าตัวเองเป็นคนดัง

คนดังนี่ก็ดังได้หลายระดับ ดังทั้งประเทศ หรือดังเฉพาะกลุ่ม บางคนดังกระหึ่ม แต่ดังไวไปเร็ว ดังเหมือนพลุ ส่องสว่างให้วี้ดว้ายแล้วหายแวบไป

บางคนดังนาน บางคนดังๆดับๆ วับๆแวมๆ

ข้าพเจ้าเคยขึ้นเวที เป็นนักร้องบางคนว่ามีชื่อเสียง แต่ก็นั่นแหละในหมู่กลุ่มเฉพาะเหล่า (เขาว่าวงเฉลียง ถ้าออกไปนอกเขตปริมณฑล คนจะรู้จักน้อยลง อาจจะเคยได้ยินว่ามีวงชื่อนี้ แต่หน้าตาหรือเรื่องราวแต่ละคน ก็ไม่คุ้นเหมือนวงที่ดังเปรี้ยงปร้างอย่าง บอดี้สแลมหรือคาราบาว)

ยิ่งแยกตัวมาร้องเดี่ยวก็ยิ่งรัศมีหดหาย ราศีก็น้อยลงไปอีก

หนหนึ่งเคยจะไปเปิดห้องพัก ที่โรงแรมแถวมุกดาหาร 

พนักงานให้กรอกชื่อ เขาก็ไม่รู้จัก ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่เข้าใจได้ว่าไม่รู้จัก

แต่เจ้าของโรงแรมที่มาเห็นชื่อเข้า เจ๊แกรู้จักดี จึงพูดเย้ยลูกน้องว่า 

อะไรกันนี่ เธอไม่รู้จักหรอกหรือ นี่เขาเป็นนักร้องรุ่นโบราณไง

พอเห็นเจ๊กับน้องเขา เสวนากันดังว่า จึงตัดสินใจ.. ไปพักที่อื่นดีกว่า

เรื่องนักร้องดังไม่ดังนี่ ไม่ค่อยอยากเถียงกับใครว่าใครดังกว่าใคร

.

หนนึงไปร้องเพลงงานแต่งงานญาติๆบนเกาะสมุย

เจ้าภาพเขาก็อยากให้ไปแหละนะ ถือว่าไปร้องให้เป็นของขวัญกับหลานๆ ไปในงานเพื่อร้องเพลงให้เป็นเกียรติ 

ร้องเสร็จลงจากเวที

ป้าน้อย ซึ่งทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่บ้านบุญเลี้ยง เป็นคนดั้งเดิมที่ช่วยดูแลพ่อกับแม่มาตลอด พอพ่อกับแม่ไม่อยู่แกก็ยังอาศัยอยู่ที่บ้าน คอยดูแลบ้าน ดูแลอาหารการกิน

เวลาที่ผมกลับบ้าน แกก็จะคอยหาที่หลับจัดที่นอน

ป้าน้อยเป็นเหมือนคนเก่าคนแก่ ที่เราต้องจ่ายเงินเดือนเป็นค่าที่แกช่วยดูแลบ้าน ซึ่งก็ไม่มากมายแค่พอให้อยู่ได้ แต่แกก็เก็บสะสมของแกไว้ ซื้อหวยบ้าง ซื้อทองบ้าง 

พอวันไหนจะจากลา ผมไหว้แล้วก็มักหยิบแบ๊งก์ร้อยบ้าง ห้าร้อยบ้างใส่มือแก ว่าให้ จะบอกว่าทิปก็ไม่กล้า เพราะแกไม่ใช่พนักงานเสิร์ฟ เป็นอันรู้กันว่าให้ 

ป้าน้อยก็จะยิ้มรับแล้วมักพูดว่าค่ากาแฟเหรอ 

.

.

วันนั้นป้าน้อยมาร่วมงานแต่งด้วย

พอผมร้องเพลงเสร็จ ลงจากเวที ป้าแกยิ้มร่าเดินมาหา แล้วบอกว่าร้องเพลงเพราะจัง 

ชมไม่ชมปล่าว ว่าแล้วก็หยิบตังค์ใส่กระเป๋าผม เหมือนที่บรรดาแม่ยกให้นักร้องที่เขาโปรดปราน

วันนั้นบนเวที ผมเป็นนักร้องที่ป้าน้อยปลื้ม

จึงเอาเงินมาให้ ทั้งๆที่ปกติผมเป็นคนให้แก

ตอนนี้แบ๊งก์ห้าร้อย ใบนั้นก็ยังอยู่ในกระเป๋าไม่กล้าควักออกมาใช้

เพราะรู้สึกว่า มันเป็นเงินที่ไม่ธรรมดา

เป็นเงินที่บอกให้รู้ว่า ผมประสบความสำเร็จแล้วในการร้องเพลง

ติดตามบทความใหม่ ๆ จากศุ บุญเลี้ยง ได้ทุกวันพุธ บน LINE TODAY และหากสามารถอ่านบทความอื่นได้ที่เพจศุ บุญเลี้ยง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0