คงจะดีใช่ไหมถ้าอยู่เฉยๆ แล้วมีเงินไหลเข้าบัญชีทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอแบบไม่ต้องออกแรงทำงาน แต่มาจาก "เงินทำงานแทน" หรือที่เราเรียกว่า "Passive income"ซึ่งเป็นการสร้างรายได้รูปแบบหนึ่งที่มาจากการลงมือทำในช่วงแรก แต่กลับสามารถสร้างผลตอบแทนออกดอกออกผลเป็นรูปแบบ “กระแสเงินสด” ต่อเนื่องในระยะยาว เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล ค่าเช่า ค่าลิขสิทธิ์ หรือส่วนแบ่งผลกำไรจากธุรกิจ เป็นต้น
พูดง่าย ๆ คือไม่ต้องทำงาน ก็ยังมีเงินพอกินพอใช้ตลอดชีวิตนั่นเอง ต่างกับ “Active income”ที่เป็นรายได้จากการทำงาน ซึ่งพอถึงจุดหนึ่งที่เราไม่สามารถทำงานต่อได้ เช่น เกษียณอายุ รายได้ส่วนนี้ก็จะหายไปทันที ทำให้หลายคนใฝ่ฝันอยากจะสร้าง "Passive income" เป็นของตัวเอง
“*Passive income สร้างได้ แค่ตั้งใจ” *
เมื่อเราพูดถึง Passive income หลายคนอาจจะนึกถึงการให้เช่าบ้าน เช่าคอนโด หรือการทำธุรกิจต่าง ๆ ที่สร้างผลตอบแทน แล้วมีกระแสเงินสดกลับเข้ามาทุกเดือน แต่ความจริงแล้ว เราไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยให้เช่า หรือเป็นเจ้าของธุรกิจ เราก็สามารถมีเงินก้อนทุกเดือนได้
การลงทุนเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้เราไปถึงเป้าหมายนั้น ด้วยการเริ่มต้นวางแผนทางการเงิน ซึ่งเปรียบเสมือนบันไดขั้นแรกสู่ความมั่นคั่ง เนื่องจากโดยทั่วไปคนส่วนใหญ่มักจะมีรายได้ทางเดียวจากการทำงาน ดังนั้น จึงต้องอาศัยการทยอยเก็บออมเงินและลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยเพิ่มจำนวนเงินมากขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มในทุก ๆ ปี เพื่อรวมเป็นเงินก้อนใหญ่ ต่อยอดสู่การนำไปสร้างกระแสเงินสด
“เก็บเงินเท่าไหร่ จะมีเงินก้อนใช้ทุกเดือน”
จำนวนเงินต้นและผลตอนแทนจากการลงทุนที่ต่างกันของแต่ละคน ย่อมส่งผลต่อ Passive income ที่ต่างกันด้วย ยิ่งเงินต้นมากก็หมายถึงเงินก้อนที่มากตาม เช่นเดียวกันหากหาแหล่งลงทุนที่ช่วยสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า ก็จะทำให้ไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น
คำถามคือแล้วต้องมีเงินต้นและผลตอบแทนต่อปีเท่าไหร่ ? ถึงจะบรรลุเป้าหมายมีเงินก้อนก่อนเกษียณ เชื่อว่าแต่ละคนคงมีคำตอบที่หลากหลายขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และเป้าหมายในชีวิต บางคนมีความฝันอยากมีเงินหลายสิบหลายร้อยล้าน ขณะที่บางคนแค่ขอมีเงินใช้จ่ายให้เพียงพอแต่ละเดือนเท่านั้น
ไม่ว่าคุณจะมีเป้าหมายสร้าง Passive income แบบไหน สิ่งแรกที่ต้องตอบให้ได้ก็คือการกำหนดเป้าหมายจำนวนเงินก้อน หรือ เงินปันผลที่อยากได้ในแต่ละเดือนให้ชัด โดยสามารถใช้สูตรคำนวณเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น ดังนี้
ตัวอย่างเช่น
อยากมีเงินใช้เดือนละ 20,000 บาท (หรือ 240,000 บาท/ปี) โดยไม่ต้องทำงาน ก็ให้นำเงินก้อนที่มีไปลงทุนในกองทุนที่ให้ผลตอบแทนปีละ 8% ต่อปี*
(อ้างอิงผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนรวมหุ้น 7 ปีย้อนหลัง ณ วันที่ 30 มิ.ย. 62) ดังนั้น เงินก้อนที่เราต้องมี หรือเรียกว่า “เงินต้น” ควรจะเท่ากับ 3,000,000 บาท โดยคำนวณได้จาก (20,000 x 12) ÷ 8%
พูดง่ายๆ ก็คือ หากเรามีเงินก้อน 3,000,000 บาท แล้วนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทน 8% ต่อปี เราจะมีเงินใช้ปีละ 240,000 บาท (หรือ เดือนละ 20,000 บาท) ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับจากการนำเงินก้อนไปลงทุนนั้นจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่เราเลือกลงทุน
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าต้องใช้เงินต้นเท่าไหร่ถึงจะสามารถมี Passive Income เป็นของตัวเอง ก็ลองนำสูตรข้างต้นไปคำนวณคร่าว ๆ ด้วยตัวเองกันได้
Ref.1 (http://bit.ly/2kpY5sS)
*หมายเหตุ:
-ผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนรวมหุ้น 5 ปีย้อนหลัง เท่ากับ 5.33% ต่อปี
-ผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนรวมหุ้น 7 ปีย้อนหลัง เท่ากับ 8.05% ต่อปี
-ผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนรวมหุ้น 10 ปีย้อนหลัง เท่ากับ 13.36% ต่อปี
(ข้อมูล Morningstar ณ 30 มิถุนายน 2562)
อยากมี Passive income เท่านี้ ต้องมีเงินต้นเท่าไหร่ ?
**หมายเหตุ: ตารางข้างต้นเป็นการยกตัวอย่างโดยอ้างอิงจากผลตอบแทนในอดีต ซึ่งไม่ได้เป็นการยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
จะเห็นว่าตัวแปรที่ทำให้เงินเรางอกเงยจนสามารถสร้าง Passive income หนึ่งคือ "จำนวนเงินเริ่มต้น" ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น เพราะแปลว่าจะทำให้ถึงเป้าหมายด้วยความเร็วยิ่งขึ้น อย่างที่สองคือ "ผลตอบแทนที่ได้รับ" ยิ่งผลตอบแทนสูง จำนวนเงินก็เพิ่มไวขึ้น ใช้เวลาน้อยลงตาม ดังนั้นการเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กันเลย
“Passive income สร้างได้จริง ผ่านกองทุนรวม”
การนำเงินต้นไปต่อยอดลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่ให้ผลตอบแทนตามที่เราคาดหวัง เราจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในสินทรัพย์ที่จะไปลงทุน และพร้อมรับความเสี่ยงหากผลตอบแทนไม่เป็นไปตามนั้น
ผู้ที่เป็นมือใหม่ประสบการณ์ลงทุนน้อย หรือไม่ค่อยมีเวลาให้กับการลงทุน “กองทุนรวม” ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนคอยบริหารกองทุนให้ และยังสามารถเลือกกระจายลงทุนไปในสินทรัพย์ได้หลายประเภท เช่น ตราสารหนี้ หุ้น ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ
กองทุนรวมจึงเป็นเครื่องมือที่เหมาะกับการสร้าง Passive income เพราะเพียงนำเงินไปซื้อหน่วยลงทุนก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนจากการลงทุน เช่น กำไรจากส่วนต่างราคา เงินปันผล และดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกลงทุนในกองทุนประเภทใด และกองทุนนั้นบริหารดีแค่ไหน เพราะแต่ละกองทุนให้ผลตอบแทนและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ซึ่งกองทุนที่สามารถช่วยสร้างเงินก้อนในแต่ละเดือนให้กับเรา ได้แก่
1. กองทุนรวมหุ้นแบบปันผล
Passive income สร้างได้จากการเลือกกองทุนรวมที่มีผลการดำเนินงานดีและจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ซึ่งกองทุนหุ้นปันผล จะมีนโยบายลงทุนในหุ้นไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุนรวม และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลกลับมาให้ผู้ถือหน่วยลงทุน
ข้อดีของการถือกองทุนรวมหุ้นที่มีนโยบายจ่ายปันผล คือเราจะมีกระแสเงินสดระหว่างการลงทุน อย่างไรก็ดี “High risk high return” ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงก็สูงตาม เพราะหากช่วงไหนกองทุนทำผลตอบแทนได้ไม่ดี ก็อาจจะไม่จ่ายเงินปันผล จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้
2. กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ / โครงสร้างพื้นฐานกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ คือ กองทุนรวมที่มีนโยบายนำเงินที่ได้ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโดมิเนียม โรงแรม อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า สนามบิน เป็นต้น โดยเน้นให้ได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอในรูปของค่าเช่า
ขณะที่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จะมีหลักการที่คล้ายกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพียงแต่นำเงินไปลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นประโยชน์สาธารณะ เช่น ระบบขนส่งทางราง โรงไฟฟ้า ระบบโทรคมนาคม ระบบประปา ถนน เป็นต้น
สำหรับทั้ง 2 กองทุนก็เป็นทางเลือกที่ดีในการสร้างกระแสเงินสดกลับเข้ามาเรื่อย ๆ เนื่องจากมีการจ่ายปันผลที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ เฉลี่ยอยู่ที่ 6-7% ต่อปี อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนควรมีความเข้าใจในอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนนำเงินไปลงทุนด้วย ว่ามีปัจจัยใดบ้างที่เป็นความเสี่ยง เพราะอาจมีผลต่อผลตอบแทนที่จะได้รับจากการลงทุน
(Ref2 : http://bit.ly/30gXMAh)
“มองหาก๊อกสอง เฉลี่ยความเสี่ยง”
ไม่มีสินทรัพย์ไหนที่จะให้ผลตอบแทนได้ดีตลอด เพราะว่าผลตอบแทนและเงินปันผลจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับกำไรและรายได้ของกองทุน หากเศรษฐกิจอยู่ในช่วงตกต่ำ กองทุนทำผลตอบแทนได้ไม่ดี ก็เป็นไปได้ที่จะไม่มีการจ่ายปันผล ไม่สามารถสร้าง Passive income กลับมาให้เราได้
เพราะฉะนั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยง เราจึงควรวางแผนนำเงินบางส่วนไปลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำลงมา เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมผสม เพื่อเป็นเงินสำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน
เคล็ดลับในการสร้าง Passive income คือ ยิ่งเตรียมความพร้อมเร็วก็ยิ่งมีเวลาในการสร้างเงินต้นได้มาก ที่สำคัญการเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงและมีวินัยลงทุนอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เงินต้นถึงเป้าหมายได้ไวขึ้น ที่เหลือก็อยู่ที่การวางแผนนำเงินต้นนั้นไปต่อยอดสร้างกระแสเงินสดให้กับเรา แล้วชีวิตที่อยากจะ นั่งๆ นอนๆ มีเงินก้อนใช้ทุกเดือนก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
Reference
Ref.1 (http://bit.ly/2kpY5sS)
Ref2 : http://bit.ly/30gXMAh
Ref3 : http://bit.ly/2KWvxjP