“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในท่วงทำนองที่ว่า สิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นในเวลานี้ คือการ “แสวงหาความร่วมมือ” จาก “3 ฝ่าย”อันประกอบด้วย “รัฐบาล-ฝ่ายค้าน-สว.” ซึ่งถือเป็น “กุญแจสำคัญ”
“การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่ายไม่ว่าจะ เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน และวุฒิสมาชิกเพราะไม่เช่นนั้นโอกาสที่จะประสบความสำเร็จจะเป็นไปได้ยาก
เพราะฉะนั้นถ้าหวังจะประสบความสำเร็จในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้จริงก็ต้องร่วมมือกันทั้งสามฝ่ายและต้องไม่ขัดแย้งกันโดยไม่จำเป็น จนสุดท้ายทำให้มีความเห็นร่วมกันไม่ได้ และจะทำให้การแก้ไขและธรรมนูญล่มโดยไม่จำเป็น” (11 พ.ย.2562)
แต่ดูเหมือนว่า ยังไม่ทันได้เริ่ม เปิดประตูบานแรกไปสู่การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางแก้รัฐธรรมนูญ ความวุ่นวายก็ตามมาไม่จบไม่สิ้น อีกทั้งยังส่อเค้าว่า จะบานปลายลามไปสร้าง “ความขัดแย้ง” ระหว่าง “พรรคร่วมรัฐบาล” ขึ้นมาโดยใช่เหตุ
เมื่อพรรคพลังประชารัฐ กับ พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งธงว่าจะต้องเป็นฝ่าย ได้ส่งคนขึ้นมาไป “คุมเกม” ในตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการฯ และดูเหมือนว่า เกมนี้ ทั้งสองพรรคใหญ่ ต่างเปิดหน้างัดข้อกันมาเป็นสัปดาห์ โดยที่ไม่มีอะไรคืบหน้า
จนทำให้ “ฝ่ายตรงข้าม” อย่าง “จตุพร พรหมพันธุ์” ประธานแนวร่วมประธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาฟันธงว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น นั้นไม่ต่างจาก “มวยล้ม ต้มคนดู” เหมือน “ละครลวงโลก”
“ การมุ่งไปเรื่องการตั้งกมธ. ผมว่าพังมาตั้งแต่เริ่ม จะเสียเวลาตั้งกรรมาธิการศึกษา ให้เสียงบประมาณแผ่นดินไปทำไม ยิ่งตั้ง ยิ่งทำไม่สำเร็จ เป็นการติดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก จะสะสมปัญหานำพาสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้ เมื่อหากมีคนไม่เข้าใจ และคนเข้าใจว่าถ้าแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้แล้วจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ถือเป็นการหลอกคนไทยตั้งแต่เริ่ม ผมไม่เห็นด้วย
ดังนั้นที่ควรทำคือ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งประกาศนโยบายเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนเป็นเหตุผลให้ตระบัดสัตย์กับประชาชน เข้าร่วมรัฐบาล ควรเป็นผู้นำเจรจากับซีกฝั่งรัฐบาล วุฒิสภา ให้ร่วมมือกันในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้”
อย่างที่ “ทีมข่าวคิดลึก”ได้เคยระบุเอาไว้มาก่อนหน้านี้แล้วว่า ไม่ว่าพรรคไหนหรือใครจะเล่นเกมไหนในการแก้รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ก็ตาม แต่สำหรับ “พลังประชารัฐ” มีเพียง เป้าหมายเดียวนั่นคือการหาทางปิดเกมให้ได้มากที่สุด
เสียงอื้ออึง เสียงอึกทึกที่คล้ายกับว่า “พรรคประชาธิปัตย์”เป็นฝ่าย “สร้างเงื่อนไข” ด้วยการส่ง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรค ขึ้นมาชิงเก้าอี้ประธานฯ และตามมาด้วยการที่แกนนำของพรรคพลังประชารัฐประกาศจับจองเก้าอี้ตัวเดียวกันนั้นเป็นแค่ “ฉากเริ่มต้น” เท่านั้น เพราะว่ากันว่า แท้จริงแล้ว พรรคพลังประชารัฐ ยังมีทั้งแผนและ “ตัวละคร” ที่จะเปิดหน้าออกมาสกัดเกมแก้รัฐธรรนูญ ด้วยกันอีกหลายช้อต และอย่าลืมว่า “250 สว.” ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่ยังเป็น หนึ่งในกลไกทางการเมืองของ คสช.ดังนั้นโอกาสที่ รัฐบาล และสว.จะเอาด้วยกับ “ประชาธิปัตย์” + ฝ่ายค้าน จึงแทบเป็นไปได้ยาก !
