สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 62 นายประจักรษ์ โพธิผล ทีมจับกระทงลิขสิทธิ์ ได้ออกมาเปิดใจว่า เป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท เป็นผู้ดูแลผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยตนเป็นผู้ไปแจ้งความละเมิดไม่ใช่เป็นคนล่อซื้อ โดยตนได้นำเจ้าหน้าที่ไปรับกระทง
ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นคนโทรไปหาน้อง น้องลงโปรไฟล์รูปกระทงตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม แล้วก็มีการประสานงานกันกับฝ่ายต่างๆ ผมไม่ได้เป็นคนสั่งจองและสั่งซื้อ น้องเป็นคนโพสต์ขายกระทงลายการ์ตูนเอง ผมพูดจริง ผมจึงต้องออกมาปกป้องสิทธิของทางบริษัท เด็กแตะต้องไม่ได้หรอ แบบนั้นเด็กก็ไปทำความผิดกันหมด ส่วนกรณี ห้องมืดไม่มีแน่นอน เซ็นบังคับรับสารภาพไม่มี ไม่ได้บังคับ ไม่มีใครบังคับให้จ่ายเงิน ผมจึงได้ถอนความร้องทุกข์ ถ้าผมไม่สงสารเด็ก ผมไม่ถอนแน่นอน
ส่วนเรื่องการรับเงิน 50,000 บาทนั้น คาดว่าเป็นความเข้าใจผิดทางแง่กฎหมาย ที่ระบุใน พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ม.31 ว่าผู้กระทำผิดต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 50,000-400,000 บาท กรณีของเด็กคือการทำซ้ำและดัดแปลงลวดลายตัวการ์ตูน ซึ่งตรมีหลักฐานว่าน้องได้ลงขายมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยผู้สื่อข่าวยังได้ถามกับนายประจักษ์ด้วยว่า คุณได้รางวัลนำจับจากทางบริษัทเท่าไหร่ ประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ ได้ถึง50%มั้ย ทางนายประจักษ์ตอบว่า ถ้าผมได้ขนาดนั้นผมรวยไปแล้ว คุณไม่ต้องมาถามหรอกว่าผมได้เท่าไหร่
ล่าสุดวันนี้ 8 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี ไปยังที่ตั้งบริษัทเวอริเซ็คที่นายประจักรษ์อ้างว่าทำงานให้ ระบุว่าอยู่ชั้น 23 อาคารเอ็มไทย ถนนวิทยุ ปรากฏว่าเป็นเพียงสำนักงานที่เช่าไว้รับเอกสารต่างๆที่ส่งมาที่นี่ ไม่มีโต๊ะทำงานและพนักงานเป็นกิจจะลักษณะ จะมีเพียงแมสเซ็นเจอร์มารับเอกสารจากที่นี่อีกต่อหนึ่ง ส่วนนายภควรรษ์ผู้บริหารที่เซ็นมอบอำนาจให้นายประจักรษ์ก็ไม่ยอมรับสายแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันเพจหมายจับกับบรรจงยังได้รายงานข้อมูลด้วยว่า จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทเวอริเซ็คที่นายประจักษ์ระบุว่าทำงานให้นั้น พบว่าผู้ที่เซ็นใบมอบอำนาจให้นายประจักษ์ไปจับลิขสิทธิ์"ริลักคุมะ" คือนายภควรรธก์ ศรสำราญ ซึ่งไม่ได้เป็นผู้บริหารบริษัทแต่อย่างใด แต่เป็นพนักงานคนหนึ่งของบริษัทเท่านั้น ขณะที่หนังสือรับรองนิติบุคคลระบุว่ากรรมการบริษัทมี4คน ทุนจดทะเบียน3ล้านบาท ระบุที่ตั้งสำนักงาน 2 แห่งคือสำนักงานใหญ่ที่อาคารเอ็มไทยชั้น23 และมีสาขาคือถนนบอนด์สตรีท แถวปากเกร็ด จ.นนทบุรี
CR : หมายจับกับบรรจง
