ตอบโดย พระเทพสิทธิมุนี (บุญสิน อุตฺตมชาโต) เจ้าอาวาสวัดดุสิดารามวรวิหาร กรุงเทพมหานคร
"แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้" หลายคนคงเคยได้ยินคำพังเพยนี้ แถมบางทีก็มีคนมาพูดกรอกหูตอนทำอะไรแล้วสู้ใครเค้าไม่ได้ นำมาซึ่งความรู้สึกท้อใจว่า ทำไมตัวเรานี่ช่างเกิดมาวาสนาน้อยจริงน้อยจัง
จริงๆแล้ววาสนาคืออะไร และมีผลต่อชีวิตเราอย่างไร วันนี้อ้อมได้คำตอบจากพระเทพสิทธิมุนีมาฝากคุณผู้ชมแบบนี้ค่ะ
วาสนา ทางพระพุทธศาสนาเราเกี่ยวกับบุญ ผู้ที่มีบุญน้อยก็แสดงว่า มีวาสนาน้อย บุญก็คือทรัพย์ เหมือนกับทรัพย์ฝ่ายดี
ถ้าเราอยากมีวาสนามาก ก็ต้องทำบุญมาก ทำบุญนั้นมีหลายทาง ไม่ใช่ทำบุญด้วยการสละทรัพย์เพียงอย่างเดียว
ขั้นที่หนึ่ง ทาน ขั้นที่สอง ศีล ขั้นที่สาม ภาวนา มัวแต่ขึ้นบันไดขั้นที่หนึ่ง ขึ้นขั้นที่สองบ้างสิ บางคนอยู่แต่ขั้นที่หนึ่ง ใช้เงินทำบุญมันง่ายดี แล้วขั้นที่สอง คือ ศีล ทำได้ไหม ขั้นที่สาม คือ ภาวนา ลองทำหรือยัง
ถัดจากขั้นที่สาม ยังมีขั้นที่สี่คือ “อปจายนะ” ลดอัตตาตัวเอง “เวยยาวัจ” คือช่วยเหลือเกื้อกูล มีน้ำใจกับคนอื่น ยังมีหลายอย่างไปตามขั้น มีถึง 10 ขั้นด้วยกัน ขั้นที่สิบคือ “ทิฏฐุชุกัมม์” ปรับความเห็นให้ถูกต้อง เช่น พอเราเข้าใจว่า วาสนาน้อย ก็ไม่ทำอะไรแล้ว คอยแต่วาสนาอย่างเดียว นี่แสดงว่า ผู้นั้นก็ต้องทิฏฐุชุกัมม์ ปรับความเห็นให้ถูกต้อง
จริงแล้วสิ่งที่เราได้มา เพราะเราทำมา ให้คนอื่นทำให้มันจะได้ไหมล่ะ พอเราเข้าใจว่าวาสนาน้อย ก็ไม่คิดจะทำอะไรแล้ว คอยแต่วาสนามาเพิ่มอย่างเดียว แสดงว่าเรามีความเห็นที่ไม่ถูกต้อง วาสนาสร้างได้ ไม่ใช่อาศัยแต่พรหมลิขิตอย่างเดียว ต้องอาศัยกรรมลิขิตด้วย การกระทำนั้นเป็นตัวลิขิตเรา ทำกรรมมันจะลิขิตเอง จะจัดสรรเอง อย่างที่ท่านใช้คำว่า “กัมมัง สัตเต วิภัชชะติ”
กรรมนั้นเป็นตัวจัดสรรให้
วาสนาเพิ่มได้ ไม่ต้องไปน้อยใจในตัววาสนา การเพิ่มวาสนา คือทำความดีเพิ่มขึ้นนั่นเอง
อย่าลืมว่า ถ้าคุณรู้สึกหนัก มีทุกข์ในใจแบ่งเรื่องราวของคุณให้พวกเราได้ค่ะ ที่สำคัญลองเติมธรรมกันวันละนิดเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นค่ะ ส่งความหนัก ความทุกข์ สิ่งสงสัยมาให้พวกเราได้ที่ www.bia.or.th/dhamlife อ้อมจะไปหาคำตอบจากพระอาจารย์มาให้ค่ะ อะไรที่อ้อมช่วยได้ อ้อมยินดีค่ะ
ติดตามข้อธรรมดีๆ ได้ที่เพจ fb : หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ หรือ Line: @Suanmokkh_Bangkok
