แต่มีหนึ่งประเด็นที่กำลังอยู่ในความสนใจของภาคธุรกิจ นั่นคือ สถานการณ์ "เงินบาท" ที่แข็งค่าต่อเนื่องยาวนาน ซึ่ง ธปท.ได้อธิบายถึง "4 สาเหตุ" สำคัญที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า.. "กรุงเทพธุรกิจ" ขอหยิบยกประเด็นนี้มาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง
"วิรไท สันติประภพ" ผู้ว่าการธปท. ระบุว่า เงินบาทที่แข็งค่าเป็นเรื่องที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ห่วงใย และ ธปท. ก็มีมาตรการออกมาดูแล ซึ่งการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
1. สถานการณ์ต่างประเทศ
"วิรไท" บอกว่า กรณีนี้ ธปท. ไม่สามารถควบคุมได้ และเป็นเรื่องที่มีผลอย่างมากต่อค่าเงินโดยตลาดการเงินโลกมีความผันผวนและมีความเสี่ยงมากตั้งแต่ต้นปี สำหรับไทยที่มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน และจัดอยู่ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging markets) เหมือนกัน เมื่อจีนได้รับผลกระทบ เราก็ได้รับผลกระทบด้วย เมื่อตลาดการเงินโลกมีภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk on) หรือปิดรับความเสี่ยง (Riskoff) ก็จะกระทบประเทศตลาดเกิดใหม่ทั้งภูมิภาค
หากมองด้านดีคือ ต่างประเทศมองว่าเรามีความเสี่ยงต่ำ ในช่วง Risk off เงินทุนก็จะไหลเข้ามาไทยเพราะเรามีความมั่นคงกว่าประเทศอื่นที่ปัจจัยพื้นฐานอ่อนแอกว่า
2. การเกินดุลบัญชีเดินสะพัด
กรณีนี้ถือเป็นปัจจัยเฉพาะของไทย โดย "วิรไท" บอกว่า ถ้าดูช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้เราเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์แม้ว่าการส่งออกจะติดลบ แต่การนำเข้าของเราติดลบมากกว่า ทำให้เกินดุลการค้าและเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งก็มาจากการนำเข้าสินค้าทุนที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
3. การส่งออกทองคำของไทย
วิรไท ระบุว่า ในสภาวะที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศ มีสงครามการค้า มีความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ราคาทองคำจะปรับสูงขึ้น ก็จะมีนักลงทุนไทยที่ซื้อทองคำไว้ในช่วงก่อนหน้า เร่งขายทองทำกำไรโดยส่งออกไปต่างประเทศ จึงมีรายได้เงินตราต่างประเทศไหลเข้ามา ในช่วงที่ผ่านมามีเงินทุนจากการขายทองคำไหลเข้ามาถึงประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์
4. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)
กรณีนี้ ธปท. เริ่มเห็นการไหลเข้าที่มากขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีนักลงทุนต่างประเทศเข้ามา Takeover บริษัทไทยเพิ่มขึ้น มีการขายหุ้นระดมทุนของบริษัทใหญ่ และมักจะเป็นข้อตกลงมูลค่าสูงระดับหมื่นล้านบาท เงินทุนไหลเข้าที่เกิดขึ้นก็มีผลในการสร้างแรงกดดันต่อค่าเงิน