"ธนาธร"หมดพลังประชาธิปไตยรอวันเก็บฉาก !?

เมืองไทย 360 องศา

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐกำลังสัมมนาเพื่อเตรียมรับมืการอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาลกันอย่างคึกคัก พรรคร่วมฝ่ายค้านก็มีการประชุมเพื่อเตรียมถล่มเช่นเดียวกัน แต่เมื่อพิจารณาจากบรรยากาศและอารมณ์แล้วมันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ดีหากจะโฟกัสไปที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใ่หม่ที่พยายามจะยกฐานะเป็น"นักคิด" พยายามเสนอไอเดียแบบเท่ๆ เช่นพยายามพูดชี้ให้เห็นถึงเรื่อง"ความเหลื่อมล้ำ" การพัฒนาในยุครัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่เอื้อกลุ่มทุน แบบ"คนหัวเอียงซ้าย" ซึ่งหากมองย้อนกลับไปในยุค "แสวงหา"แบบ"ฟ้าสีทองผ่องอำไพ แบบที่ว่า"เขาเป็นลูกคนรวยแต่เห็นใจพวกชนชั้นกรรมาชีพ"แล้วหลบหนีเข้าป่าไปร่วมกันพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.)อะไรประมาณนั้น

แต่ที่ต่างกันคือ ธนาธร ไม่เคยเข้าป่า เคยแต่ให้ทุนนิตยสารที่วิพากษ์วิจารณ์สังคม ชนชั้นสูง และมีทัศนคติในเชิงลบต่อสถาบันเบื้องสูง และเขาโจมตีว่ารัฐบาล คสช.เอื้อกลุ่มทุนทำให้ช่องว่างเหลื่อมล้ำห่างออกไป ฟังเผินๆอาจเคลิ้ม จนเกือบลืมไปว่า "กลุ่มทุนไทยซัมมิต"ที่เป็นธุรกิจครอบครัวของเขาและก่อนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองก็เคยได้รับ"มรดกทุน"นี้จากครอบครัวจนขึ้นเป็นผู้บริหาร และที่น่าคิดก็คือ บริษัทที่ว่านี่แหละเคยถูก "ใจ อึ้งภากรณ์" ลูกชายของ ป๋วย อึ้งภากรณ์ ตำหนิอย่างรุนแรงในกรณีเลิกจ้างพนักงานที่รวมตัวขอขึ้นค่าแรงและพยายามก่อตั้งสหภาพแรงงานเมื่อหลายปีก่อน

ดังนั้นภาพที่เห็นมันจึงดูขัดแย้งกันเองพิกล จนรู้สึกว่ามันเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจหรือมีเจตนาให้ดูเท่ เพื่อหวังการสนับสนุนให้เกิดอารมณ์ร่วมจากคนในสังคมเท่านั้น

อย่างไรก็ดีหากพิจารณาจากอารมณ์ของคนในสังคมในช่วงเวลานี้เปรียบเทียบกับกระแสในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมาก็เริ่มต่างกันลิบลับ อาจเป็นเพราะ"กาลเวลา"ทำให้ได้เห็น"ตัวตน"ของเขามากขึ้น เริ่มถูกมองว่า "ไม่ใช่ของจริง"โดยเฉพาะในเรื่อง"พื้นฐานความคิด" ข้อมูลแทบทุกเรื่องล้วนกลายเป็น"จุดด้อย"แทนที่จะเป็นจุดเด่น เช่น เรื่องปัญหาประมง เป็นต้นที่เขาถูกตอกหน้ากลับมายับเยินว่ารับรู้ข้อมูลไม่รอบด้าน และไม่คมพอ และอีกหลายกรณีที่พอพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขา"ไม่ใช่ผู้นำทางความคิด"ที่แหลมคมพอ เป็นได้แค่พื้นๆดาษดื่นทั่วไปเท่านั้น หรืออย่างมากก็เป็นเพียงระดับ"นักปลุกระดม"ธรรมดาเท่านั้น

สิ่งที่น่าสังเกตว่าเขากำลังเป็นได้เพียงแค่"นักปลุกระดม" ไม่ใช่ผู้นำทางการเมือง เห็นจะเป็นคำพูดที่ออกมาในเชิงข่มขู่กรณีที่ระบุว่าหากศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่โดยมีการตั้งคำถามในทำนองว่ากระบวนการยุติธรรมมีปัญหาหรือไม่ ขณะเดียวกันยังชี้ว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการสั่งยุบพรรค

แม้ว่าตามขั้นตอนแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลว่าจะออกมาอย่างไรเป็นไปตามขั้นตอนและพยานหลักฐาน ทุกอย่างย่อมต้องมีคำอธิบายออกมาแน่นอน ดังนั้นคำพูดที่ออกมาในลักษณะดังกล่าวจึงไม่ต่างจากการข่มขู่และปลุกระดม

อย่างไรก็ดีสิ่งที่น่าสังเกตในเวลานี้ก็คือหลังจากที่เขากลับจาก"โรดโชว์"ที่อเมริกาและยุโรป ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ปิดปากเงียบสนิทไม่พูดถึงเรื่องรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยยกมาโจมตีในเรื่อง "เผด็จการสืบทอดอำนาจ"ออกมาอีกเลย หลังจากที่ถูก"ตบหน้า"อย่างจัง เมื่อทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ได้ส่งสารแสดงความยินดีและยืนยันพร้อมทำงานร่วมกันกับรัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งที่เขา ธนาธร กำลังลงทุนเดินสายโจมตีทุกทาง แต่ผลที่ออกมาถือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ในแบบที่เรียกว่า "เสียหน้า"จนหมดสภาพไปเลย

อย่างไรก็ดีเมื่อกลับมาถึงประเทศไทย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่พยายามพูดในเชิงกดดันศาลรัฐธรรมจากกรณีที่ถูกร้องในหลายกรณีทั้งกรณีการถือหุ้นสื่อ และล่าสุดถูกร้องในข้อหาล้มล้างการปกครองจากการไปกล่าวหาโจมตีประเทศตัวเองระหว่างเดินทางไปต่างประเทศก่อนหน้านี้ และจากท่าทีดังกล่าวนี้ มุมหนึ่งอาจจะเกิดความเครียดที่มีผลมาจากความล้มเหลวจากการไปอเมริกาและยุโรป ไม่สามารถสร้างแรงกดดันจากภายนอกเข้ามาได้ จึงต้องหันกลับมาใช้กระแสภายในอีกครั้ง แต่นาทีนี้ถือว่าเขาอ่อนพลังลงไปแล้ว โดยเฉพาะการ"ปลุกพลังต้านเผด็จการ"ที่ถือว่าจบเกมไปแล้ว !!