นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกผลไม้ของไทยไปตลาดโลก ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทุเรียนยังคงเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด โดยมีสัดส่วนการส่งออกทุเรียนสด 44% ของการส่งออกผลไม้ทั้งหมด และมีมูลค่าการส่งออกทุเรียนสดของไทยสู่ตลาดโลกพุ่งถึง 817 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 45% มีตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ จีนและอาเซียน ปัจจุบันไทยครองเป็นแชมป์ผู้ส่งออกทุเรียนได้เป็นอันดับที่ 1 ของโลก นำหน้าฮ่องกงและมาเลเซียกว่าเท่าตัว
สำหรับความตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอช่วยส่งเสริมให้การส่งออกทุเรียนของไทยเติบโต เพราะ ขจัดอุปสรรคภาษีนำเข้าในประเทศคู่ค้า ทำให้ทุเรียนไทยได้แต้มต่อจึงมีโอกาสในการส่งออกและแข่งขันมากขึ้น ปัจจุบันทุเรียนของไทยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 16 ประเทศคู่ค้าที่ไทยมีเอฟทีเอ ประกอบด้วย จีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา ฟิลิปปินส์ บรูไน อินเดีย ชิลี และเปรู โดยมี 2 ประเทศ คือ มาเลเซียเก็บ 5 %และเกาหลีใต้เก็บ 36% ซึ่งสอดคล้องกับสถิติการใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอในการส่งออกปี 61
ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลังพบว่าทุเรียนเป็นสินค้าที่ผู้ประกอบการขอใช้สิทธิประโยชน์ในการส่งออกสูงมากเป็นอันดับต้น โดยเฉพาะในการส่งออกไปจีนและอาเซียนมีสัดส่วน 78 % ของการส่งออกทุเรียนของไทยทั้งหมด สำหรับในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ไทยส่งทุเรียนไปจีนแล้วถึง 425 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 70% ส่วนตลาดอาเซียน ไทยส่งออกทุเรียนมูลค่า 219 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 19 %
ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น ทำให้การค้าผลไม้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากผลไม้สดแล้ว คาดการณ์ว่าตลาดผลไม้แปรรูปในลักษณะขนมขบเคี้ยว จะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน จึงเป็นโอกาสทองที่เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยจะเพิ่มรูปแบบสินค้าส่งออกเป็นผลิตภัณฑ์ทุเรียนแปรรูป เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอาหาร ทั้งนี้ เพื่อให้สินค้าทุเรียนของไทยครองความเป็นหนึ่งในตลาดอย่างยั่งยืน เกษตรกรและผู้ประกอบการควรรักษามาตรฐานสินค้าและพัฒนาคุณภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเพาะปลูก การบรรจุหีบห่อ และมีใบรับรองสุขอนามัยพืช รวมทั้งควรลดการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลงเนื่องจากปัจจุบันตลาดในหลายประเทศมีความเข้มงวด ประกอบกับผู้บริโภคนิยมผลไม้ปลอดสารพิษหรือเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น