โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ทำไมยิ่งเข้มงวด ลูกก็ยิ่งมีปัญหา

Mood of the Motherhood

อัพเดต 19 ส.ค. 2562 เวลา 13.46 น. • เผยแพร่ 19 ส.ค. 2562 เวลา 13.45 น. • Features

ความหวังดีที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของคุณพ่อคุณแม่ อยากให้ลูกเป็นเด็กดี มีความสามารถ เพื่อให้ลูกเติบโตเป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิต

แต่ขณะเดียวกัน ความหวังดีที่เป็นต้นเหตุของการเลี้ยงดูที่เข้มงวดและไม่ถูกวิธีอาจกลายเป็นความกดดันที่คอยทิ่มแทงจนเกิดเป็นผลเสียต่อลูกในที่สุด

แล้วอะไรบ้าง ที่คุณพ่อคุณแม่อาจจะเข้มงวดและจริงจังกับลูกมากเกินไป…

1. เพราะการสอนลูกว่าพี่น้องต้องเท่าเทียมกันเสมอ

สำหรับครอบครัวที่มีลูกหลายคน คุณพ่อคุณแม่มักจะพยายามปลูกฝังให้ลูกเข้าใจว่า พี่น้องจะต้องได้ทุกอย่างเหมือนกัน มีทุกอย่างเท่าเทียมกัน คนหนึ่งได้รับอะไร อีกคนก็ต้องได้เพื่อความเสมอภาค

แต่ความเป็นจริง ลูกทุกคนไม่จำเป็นจะต้องได้รับทุกอย่างจากคุณพ่อคุณแม่เหมือนกัน การปลูกฝังให้ลูกคิดว่าตัวเองต้องได้ต้องมีเท่าเทียมพี่น้องคนอื่น  ทำให้ลูกเป็นคนไม่ยอมเสียเปรียบ ไม่ยอมรับความแตกต่าง และไม่ยอมด้อยกว่า

ดังนั้นถ้าคุณพ่อคุณแม่ต้องการปลูกฝังให้พี่น้องรักและรู้สึกเท่าเทียมกัน ควรสอนให้ลูกรู้จักการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แบ่งปันกันตามความเหมาะสม ให้กำลังใจ และสอนให้ลูกเรียนรู้ถึงความแตกต่างของพี่น้องแต่ละคน

2. เพราะการปลูกฝังว่าเป็นเด็กดี ต้องเรียนเก่ง

คุณพ่อคุณแม่ทุกคนย่อมคาดหวังให้ลูกเป็นเด็กดี มีความรับผิดชอบ ซึ่งอาจจะวัดผลได้จากผลการเรียน ลูกที่ผลการเรียนดีก็จะทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจ แต่การกดดันให้ลูกเป็นเด็กเรียนเก่ง กลับไม่ได้พัฒนาทักษะด้านอารมณ์ของลูก ทำให้ลูกไม่รู้วิธีการเข้าสังคม เพราะมัวแต่มุ่งมั่นกับการเรียนจนลืมกิจวัตรประจำวันอื่นๆ

และเมื่อลูกเข้าใจว่าคุณค่าของเขาผูกติดอยู่ที่ผลการเรียน เมื่อลูกพบว่ามีคนที่เรียนเก่งกว่า มีผลการเรียนดีกว่า ลูกจะรู้สึกผิดหวังและหมดคุณค่าในตัวเอง

3. เพราะสอนลูกให้เป็นผู้ใหญ่ก่อนวัย

คุณพ่อคุณแม่หวังดี อยากให้ลูกรู้จักการคิดวิเคราะห์เหมือนผู้ใหญ่ สอนให้ลูกทำตัวเหมือนผู้ใหญ่  ไม่สนับสนุนให้เล่นหรือทำกิจกรรมตามวัย พยายามให้ลูกแสดงออกเหมือนผู้ใหญ่ พูดเหมือนผู้ใหญ่ จนลูกขาดความเป็นตัวของตัวเอง เกิดเป็นความเครียดสะสมไปจนโต

ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรปล่อยให้ลูกเล่นกับเพื่อนๆ แบบที่เด็กควรจะเป็น และเมื่อถึงเวลาที่ลูกเป็นผู้ใหญ่ ลูกก็จะเรียนรู้และเติบโตได้เองตามธรรมชาติ

4. เพราะอยากให้ลูกเปลี่ยนกิจกรรมบ่อยๆ

คุณพ่อคุณแม่ต้องการส่งเสริมพัฒนาการและความถนัดของลูก ไม่ว่าจะเป็นความถนัดด้านดนตรี ศิลปะ หรือกีฬา และเพื่อทดสอบความชอบและทักษะของลูก คุณพ่อคุณแม่จึงพยายามหากิจกรรมให้ลูกทำเยอะๆ เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ โดยที่ไม่สังเกตความชอบและความสามารถที่แท้จริงของลูก

แทนที่จะเป็นผลดี อาจส่งผลให้ลูกรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรหรือทำอะไรได้ดีจริงๆ สักอย่าง เพราะการเรียนรู้ที่ไม่ต่อเนื่อง เปลี่ยนกิจกรรมให้ลูกทำมากเกินไปโดยไม่ให้เวลาเพื่อดูความถนัดและความสามารถของลูก ส่งผลให้ลูกเป็นเด็กที่ไม่มีเป้าหมายได้

5. เพราะคุณพ่อคุณแม่มักเร่งให้ลูกทำอะไรเร็วๆ

คุณพ่อคุณแม่จัดตารางกิจกรรมให้ลูกจนแน่นตลอดทั้งวัน และยังคอยกระตุ้นให้ลูกทำกิจกรรมด้วยความรีบเร่ง แต่การที่ลูกจะทำอะไรให้ดีและประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องใช้เวลา การเร่งรีบมากเกินไป จะทำให้เด็กไม่มีความสุขในการทำกิจกรรมนั้นๆ

อ้างอิง

Amarinbabyandkids

Th.theasianparent

Visitdrsant

pantip

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0