โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2562

JS100

อัพเดต 14 ต.ค. 2562 เวลา 08.19 น. • เผยแพร่ 13 ต.ค. 2562 เวลา 23.06 น. • JS100:จส.100
ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2562
ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2562

ฮากิบิสคร่าชีวิตชาวญี่ปุ่น 33 ศพ ยังเฝ้าระวังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

          พายุไต้ฝุ่นฮากิบิสที่เคลื่อนตัวผ่านภาคกลางไปจนถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ และกลับลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก จากนั้นก็อ่อนกำลังลงกลายเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว แต่ความรุนแรงของพายุทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 33 ศพ และคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากยังมีผู้สูญหายอีก 19 คน บาดเจ็บ 149 คน และมีน้ำท่วมสูงในหลายพื้นที่ ทำให้ต้องระดมเจ้าหน้าที่จากกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น และเจ้าหน้าที่ทหารกว่า 31,000 นาย สมทบกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 100,000 นาย กระจายกำลังให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย

          อย่างไรก็ตามมีความผิดพลาดเกิดขึ้นในระหว่างการกู้ภัยจากทางเฮลิคอปเตอร์ทำให้หญิงวัยประมาณ 70 ปี ในเมืองอิวากิ จังหวัดฟูกูชิมะ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว พลัดตกจากระดับความสูง 40 เมตร ทำให้เธอเสียชีวิต นอกจากนี้ที่จังหวัดฟูกูชิมะ เจ้าหน้าที่บริษัทพลังงานเทปโกเร่งตรวจสอบความเสียหายของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ ที่เคยเกิดเหตุกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลเมื่อครั้งเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิปี 2554 ซึ่งหลังจากที่เผชิญกับไต้ฝุ่นฮากิบิส ระบบตรวจสอบแจ้งว่ามีน้ำในโรงไฟฟ้าเกิดการรั่วไหล 11 จุด แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า มีกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลหรือไม่

          ที่เมืองอูเอดะ จังหวัดนางาโนะ ทางตอนกลาง เกิดเหตุเขื่อนกั้นแม่น้ำชิคูมะแตก ส่งผลให้กระแสน้ำไหลหลากเข้าท่วมชุมชน สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำชิคูมะได้รับความเสียหาย บริษัทเดินรถไฟในท้องที่จึงประกาศต้องระงับให้บริการสายรถไฟที่แล่นผ่านเส้นทางที่เกิดเหตุ

อิหร่านพร้อมเจรจาซาอุฯ

          กระทรวงต่างประเทศอิหร่าน เปิดเผยว่ากำลังเตรียมเปิดการเจรจากับซาอุดิอาระเบีย โดยอาจจะมีหรือไม่มีตัวกลาง เพี่อกำจัดความไม่เข้าใจกัน

          ด้านสื่อของปากีสถานรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม นายกรัฐมนตรีอิมราน ข่านเดินทางเยือนอิหร่าน เพื่อพยายามคลายความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับซาอุดิอาระเบีย

ตุรกีเร่งโจมตีเคิร์ดแม้มหาอำนาจประกาศมาตรการลงโทษ

          กองทัพตุรกีเร่งโจมตีที่มั่นของกองกำลังชาวเคิร์ดทางตะวันออกของซีเรียอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสหรัฐฯ เยอรมนีและฝรั่งเศส ประกาศว่าจะใช้มาตรการลงโทษ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยอมรับการตัดสินใจถอนกำลังทหารอเมริกันออกจากพื้นที่ ก็เพื่อดำเนินนโยบายพาทหารอเมริกันกลับบ้าน แต่เป็นเหตุให้ถูกโจมตีว่าเป็นผู้อนุญาตให้ตุรกีโจมตีกองกำลังชาวเคิร์ดที่เป็นผู้สนับสนุนหลักของกองทัพสหรัฐฯในการปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสในพื้นที่ทางเหนือของซีเรีย

          องค์การสังเกตการณ์ซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชน แถลงว่ากลุ่มติดอาวุธในกองทัพตุรกีสังหารพลเรือน 9 คนในพื้นที่ใกล้กับเมืองทัลอับยาด โดย 1 ในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่สตรีของพรรคการเมืองเคิร์ด ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตจากเหตุโจมตีครั้งนี้ 38 ศพแล้ว และมีนักรบเคิร์ดเสียชีวิตแล้ว 81 รายทั้งต้องถอยร่น สูญเสียพื้นที่ไป 27 หมู่บ้านแล้ว

          ด้านองค์การสหประชาชาติ เรียกร้องให้ตุรกียุติการโจมตี เพราะทำให้มีประชาชนมากกว่า 1 แสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ โดยขณะนี้รัฐสภาสหรัฐฯกำลังเสนอร่างกฎหมายเพื่อออกมาตรการลงโทษตุรกี ในขณะที่เยอรมนีกับฝรั่งเศสประกาศยุติการขายอาวุธให้ตุรกี

*เจรจาสหรัฐฯ-จีนบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก *

          ประธานาธิบดีทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยร่างข้อตกลงการค้ากับจีนในเบื้องต้นครอบคลุมสินค้าเกษตร อัตราแลกเปลี่ยน และกลไกปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ถือเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญในการยุติสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมานาน 15 เดือน ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 5 สัปดาห์จึงจะร่างข้อตกลงเสร็จสมบูรณ์

          ด้านนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่า การเจรจามีความคืบหน้าในหลายด้าน จีนมีความยินดี และจะพยายามเจรจากันต่อไป

          บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ พีเพิลส์ เดลี ระบุว่า การเจรจาในรอบล่าสุดเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ตรงไปตรงมา และมีประสิทธิภาพ และแม้ทั้ง 2 ฝ่ายกำลังก้าวไปสู่ทางออกของสงครามการค้า แต่ก็เตือนเรื่องการแก้ปัญหาด้วยการกดดันจีนตามอำเภอใจ

          โดยในข้อตกลงเบื้องต้นนี้ จีนตกลงรับซื้อสินค้าเกษตรอเมริกันเป็นมูลค่าถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐฯชะลอการปรับขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจีนมูลค่า 2 แสน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ออกไปก่อน ซึ่งเดิมมาตรการนี้จะเริ่มมีผลในวันที่ 15 ตุลาคมนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0