โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ทรัมป์ VS หัวเว่ย สงครามนี้ใครจะชนะ

Positioningmag

อัพเดต 22 พ.ค. 2562 เวลา 08.28 น. • เผยแพร่ 22 พ.ค. 2562 เวลา 08.16 น.

ทำไม Huawei ถึงโดนแบนอย่างหนักหน่วงจากรัฐบาลอเมริกัน นอกจากความกังวลที่มองว่า Huawei ใกล้ชิดรัฐบาลจีนมากเป็นพิเศษ ไปจนถึงความกังวลความปลอดภัยข้อมูล

ยังมีหลายกระแสเชื่อว่าเป็นเพราะ Huawei รุ่งเรืองเกินไปในฐานะผู้ให้บริการอุปกรณ์เครือข่าย 5G เบอร์ 1 จุดนี้บางเสียงถึงกับร่ำลือว่าอเมริกาต้องการเตะตัดขากันท่า Huawei เพื่อประวิงเวลาให้บริษัทไอทีอเมริกันมีเวลาเพิ่มในการไล่ตามจีนบนสังเวียน 5G

จน Google ถึงกันต้องจำกัดการทำงานร่วมกับHuawei ที่อาจทำให้โทรศัพท์Huawei ไม่สามารถอัปเดทAndroid เวอร์ชั่นใหม่ รวมถึงแอปพลิเคชันของGoogle ทั้งYouTube, Google Maps, Gmail และChrome ได้ในอนาคต

การแบนครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำว่าอุตสาหกรรมไอทีอเมริกันกำลังแขวนไว้กับHuawei เป็นหลัก เนื่องจากตัวเลขล่าสุดย้ำว่าHuawei ใช้เงินมหาศาลซื้อส่วนประกอบจากบริษัทอเมริกัน สะท้อนว่าHuawei กำลังโตขึ้นเรื่อยๆจนไม่มีใครสู้ได้ และความยิ่งใหญ่ของHuawei นี่เองที่เป็นสิ่งที่ทำให้รัฐบาลอเมริกันวิตก

1. หากถามว่าHuawei ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไร ที่ผ่านมาHuawei แสดงจุดยืนมาตลอดว่ามีวันนี้ได้เพราะการพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นเพชรแท้ และลูกค้าที่มีอยู่ทั่วโลกนั้นสั่งสมมาได้เพราะเทคโนโลยีของHuawei ที่ทำให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ

กรณีอุปกรณ์เทคโนโลยี5G แบรนด์แกนนำของประเทศจีนอย่างHuawei กล้าการันตีตัวเองว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดในแง่ความเร็ว และที่สำคัญคือราคาจับต้องได้เมื่อเทียบกับอดีตยักษ์เคยใหญ่ในยุค2G, 3G และ4G ในปัจจุบันทั้งEricsson, Nokia และอื่นๆ

2. ความนิยมของHuawei กำลังทะลุทะลวงไปทั่วโลก เพราะไม่เพียงธุรกิจB2G ที่Huawei สามารถทำสัญญาวางโครงข่าย5G ในหลายประเทศทั่วโลกแล้วเกิน40 สัญญา ยังมีธุรกิจB2C ที่Huawei สามารถทำได้ดีมากในตลาดอุปกรณ์สำหรับผู้บริโภค ความร้อนแรงของHuawei ประเมินได้จากความหนาแน่นของผู้เยี่ยมชมร้านสาขาHuawei ในยุโรป ซึ่งหลายช่วงเวลาพบว่าคึกคักกว่าร้านสาขาของApple ที่หงอยเหงาไปถนัดตาในยุคที่ยังไร้เงาiPhone รุ่นชูโรง

3. สำหรับมุมB2B และB2G มีการวิเคราะห์ว่าโครงการตั้งเสา5G จำนวนมากของHuawei ต้องพึ่งพาผู้ผลิตในอเมริกาเช่นIntel, Broadcom และXilinx การเพิ่มHuawei ลงในแบล็กลิสต์ที่ห้ามบริษัทอเมริกัน“ส่งออก” สินค้าให้บริษัทจีนสามารถชะลอความเร็วของHuawei ในการจัดหาอุปกรณ์5G ให้กับประเทศต่างๆทั่วโลก ประเด็นนี้เชื่อกันว่ารัฐบาลทรัมป์จำเป็นต้องทำ เพราะหากไม่ทำก็เท่ากับยอมให้Huawei ครองตลาด5G ไป แม้ในทางกลับกัน ธุรกิจของบริษัทอเมริกันจะได้รับผลกระทบในทางลบทันทีเลยก็ตาม

4. Huawei นั้นประกาศว่าอเมริกันประเมินHuawei ต่ำเกินไป เพราะสื่อใหญ่Bloomberg โชว์ข้อมูลว่าHuawei รอบคอบและสำรองส่วนประกอบโครงข่าย5G ไว้เพียงพออย่างน้อย3 เดือน ซึ่งจะทำให้Huawei สามารถสานต่อโครงการ5G ตามสัญญาได้บางส่วน จุดนี้ทำให้มีการการันตีว่าการแบนของสหรัฐฯจะไม่กระทบกับการเปิดตัว5G ในยุโรปแน่นอน

ประเด็นนี้สื่อตั้งข้อสังเกตว่ายุโรปเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากHuawei เพราะบริษัทไอทีของสหรัฐฯล้วนไม่มีสินค้าที่สามารถแข่งได้เทียบเคียงกับสิ่งที่Huawei มี เรียกว่าทั้งEricsson และNokia ไม่มีเทคโนโลยีใดที่จะมาแทนHuawei ได้ จุดนี้ทำให้บริษัทสัญชาติสแกนดิเนเวียอย่างน้อย2 รายเลือกที่จะไม่แข่งขันกับHuawei แต่ใช้วิธีทำงานร่วมกันกับส่วนงานวิจัยที่ยิ่งใหญ่ของHuawei

5. วันนี้งบประมาณวิจัยและพัฒนาของHuawei ถูกรายงานว่ามากกว่างบของEricsson และNokia รวมกันถึง2 เท่าตัว 

6. ท่าทีของผู้นำโลกถือว่าเป็นมิตรกับHuawei ทั้งAngela Merkel ของเยอรมนีและMark Rutte นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ที่ยืนยันว่าจะไม่ปิดกั้นบริษัทจีน ตราบใดที่ยังไม่มีช่องโหว่เรื่องความปลอดภัย ขณะที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสอย่างMacron ก็มองในทางเดียวกันว่าจะไม่มีการปิดกั้นHuawei หรือบริษัทใด ตามนโยบายสร้างสมดุลย์ระหว่างความปลอดภัยและการได้ใช้เทคโนโลยีที่ดี

7. ที่สำคัญ หลังจากที่รัฐบาลTrump สั่งระงับไม่ให้บริษัทอเมริกันส่งออกชิบให้บริษัทZTE เมื่อปีที่แล้วHuawei ก็อัดฉีดโครงการผลิตสุดยอดชิปของตัวเอง จนสามารถเริ่มเปิดตัวได้เมื่อธันวาคม2018 ที่ผ่านมาในชื่อKirin ผู้ออกแบบชิปนี้คือบริษัทHiSilicon ในเครือHuawei และผลิตโดยTaiwan Semiconductor Manufacturing รวมถึงอีกหลายบริษัท โดยปัจจุบัน ชิปนี้ถูกหยิบมาใช้แทนชิปของQualcomm ในสมาร์ทโฟนรุ่นhigh-end ของHuawei เรียบร้อย

8. ในมุมB2C Huawei ก็ลงมือพัฒนาระบบปฏิบัติการHongmeng ของตัวเองเพื่อสำรองใช้ในสมาร์ทโฟนHuawei แล้ว สิ่งที่ต้องลุ้นคือชาวโลกจะยอมซื้อสมาร์ทโฟนHuawei ที่ไม่มีบริการหลักของGoogle หรือไม่ โดยที่ผ่านมา การพ่วงบริการGoogle พร้อมกับการจัดเต็มสเปกแรงให้กับเครื่องHuawei  ทำให้Huawei มีส่วนแบ่งการตลาดโลกเกิน20% มากกว่าApple เสียอีก

9. สถิติวันนี้ชี้ว่าสมาร์ทโฟนHuawei ที่ไม่มีบริการหลักของGoogle อาจจะประสบความสำเร็จก็ได้ เพราะทุกสมาร์ทโฟนAndroid ที่ขายได้ในจีน ราว25% เป็นผลงานการผลิตของHuawei ซึ่งทุกรุ่นล้วนไม่มีบริการหลักของGoogle อย่างไรก็ตาม ลูกค้าในตะวันตกอาจจะไม่เห็นด้วยกับการหันมาใช้WeChat หรือแอปสัญชาติจีนแทน เชื่อว่าส่วนใหญ่ซื้อสมาร์ทโฟนAndroid เพราะต้องการใช้บริการGoogle ประเด็นนี้ยังเป็นจุดที่ต้องติดตามใกล้ชิดต่อไป

10. ไม่แน่ สิ่งที่Google กำลังทำตอนนี้คือการหาทนายมือดีที่มีไอเดียทางออกของสถานการณ์นี้ได้หลายทาง เพราะที่ผ่านมาGoogle ใช้อุปกรณ์Android ทั่วโลกเป็นยานพาหนะพาชาวโลกมาสู่บริการของตัวเอง ดังนั้นGoogle ย่อมไม่ต้องการเฉือนแขนขาตัวเองทิ้ง และอาจหาช่องย้ายไปอยู่ไอร์แลนด์ จะได้ไม่ต้องเป็นเครื่องมือของใครอีก โดยที่ยังรุ่งเรืองเคียงคู่Huawei ต่อไปได้อีกในยุค5G

11. ถามว่าศึกนี้ใครจะชนะ ผศ.ดร.ม.ล.กุลธร เกษมสันต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ฟันธงในรายการของสถานีโทรทัศน์"นิวส์วัน" ว่าจะทำให้สหรัฐฯเสียเปรียบจีน เพราะเท่ากับเป็นการบีบให้Huawei พัฒนาตัวเองแบบก้าวกระโดด จนอาจเป็นคู่แข่งสำคัญในอนาคต ขณะเดียวกัน การแบนจะทำให้Google รายได้หดไปด้วย เรียกว่าไม่ได้มีอะไรส่งผลดีกับอเมริกาเองเลย 

ที่สำคัญการที่จีนไม่ยอมแพ้ อาจเกิดการพัฒนาแบบก้าวกระโดด เท่ากับว่า ส่งผลร้ายกับอเมริกาเองมากกว่า เพราะเวลานี้ จีนก็ผลิตชิปเซตเองบ้างแล้ว เหมือนสร้างคู่แข่งขันใหม่ เพราะอย่างที่รู้กันตอนนี้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลาย ๆ อย่างผลิตที่จีน ถ้าแตกหักนี่อเมริกางานเข้า สงครามการค้า คนเจ็บน่าจะเป็นอเมริกามากกว่า

แต่Huawei อาจประสบปัญหาการเงินได้เพราะผู้คนอาจจะหันไปใช้ยี่ห้ออื่นทำให้ยอดขายตกลง

ด้านGoogle นั้นไม่ได้อะไรเลย เสียทั้งHuawei ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ รายได้หดหายแต่อาจต้องรอว่าสุดท้ายจะมีการตกลงอะไรมาชดเชยให้ ซึ่งถ้าทุกอย่างไม่ลงเอยตามที่“ทรัมป์” ต้องการGoogle ก็อาจประสบปัญหาหนักเหมือนกัน.

ที่มา :

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0