โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าสหรัฐฯ กำลัง "ยุติความสัมพันธ์" กับองค์การอนามัยโลก (WHO) เพราะองค์การอนามัยโลกรับมือการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ในจีนได้ไม่ดี
"เราจะดำเนินการยุติความสัมพันธ์กับองค์การอนามัยโลก และปรับเปลี่ยนทิศทางของเงินสนับสนุน (ที่เคยจัดสรรให้องค์การฯ) ไปจุนเจือความจำเป็นเร่งด่วนด้านสาธารณสุขอื่นๆ ทั่วโลกแทน" ทรัมป์กล่าวระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว
"เราบอกละเอียดทุกอย่างว่าจะต้องปฏิรูปองค์กร หรือให้เราช่วยตรงๆ เลยก็ได้ แต่สุดท้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเพราะว่าพวกเขาไม่ทำอะไรตามที่เราขอ เราเลยจะต้องยุติความสัมพันธ์กันในวันนี้" ทรัมป์ กล่าว
จดหมายที่ทรัมป์ส่งถึงทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การฯ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมแสดงคำข่มขู่ตัดเงินสนับสนุนองค์การฯ เป็นการถาวร และทบทวนสถานะสมาชิกของสหรัฐฯ หากองค์การฯ "ไม่มีพัฒนาการให้เห็นภายใน 30 วัน"
ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือนเมษายน ทรัมป์เผยว่าสหรัฐฯ จะระงับการส่งเงินสนับสนุนแก่องค์การฯ ซึ่งเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบด้าน โดยผู้เชี่ยวชาญมากมายชี้ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่พยายามปัดความรับผิดชอบและซ้ำเติมวิกฤตสาธารณสุขครั้งนี้
ทั้งนี้ สหรัฐเป็นประเทศที่สนับสนุนเงินทุนให้กับองค์การอนามัยโลกมากที่สุด ดังนั้นการยุติความสัมพันธ์นี้จะสั่นคลอนองค์การอนามัยโลกอย่างหนัก โดย ฟอร์บส นิตยสารด้านการเงินและธุรกิจจากสหรัฐ เผยตัวเลขของปี 2563 ว่า สหรัฐให้เงินแก่องค์การอนามัยโลกมากที่สุดที่ 115.8 ล้านดอลลาร์ (3,684 ล้านบาท) ตามมาด้วยจีน ที่ 57.4 ล้านดอลลาร์ (1,826 ล้านบาท) และญี่ปุ่นในอันดับ 3 ที่ 41 ล้านดอลลาร์ (1,304 ล้านบาท)
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ระบุว่าปัจจุบันสหรัฐฯ มีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) มากกว่า 1.74 ล้านราย และผู้ป่วยเสียชีวิตเกิน 1.02 แสนรายแล้ว ซึ่งทั้งสองตัวเลขครองสถิติสูงสุดในโลก
