โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ไขข้อสงสัยทำไมหุ้น OR ถึงเสี่ยงติดแคชบาลานซ์

Wealthy Thai

อัพเดต 06 ส.ค. 2566 เวลา 11.13 น. • เผยแพร่ 16 ก.พ. 2564 เวลา 12.54 น. • This’s Alano

แต่ประเด็นที่ราคาเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง ก็เป็นเหตุทำให้ทั้งค่า P/E ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ซึ่งต้องจับตาดูว่าผลงานปี 63 จะออกมาทิศทางที่ดีตามคาดหรือดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ได้หรือไม่ ซึ่งเป็นโอกาสที่จะทำให้ค่า P/E ปรับลดลง และความกังวลของการติด Cash Balance ซึ่งจากราคาระดับนี้ เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเข้าเกณฑ์ทุกประการแล้ว โดยเกณฑ์ดังกล่าวคืออะไร ทำไม OR ต้องโดนด้วย วันนี้เราจะพานักนักลงทุนมาหาคำตอบไปพร้อมกัน
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Cash Balanceคืออะไร ซึ่งหมายความว่า เป็นหุ้นที่มีการซื้อขายสูงผิดปกติ ตลาดหลักทรัพย์ จึงมีการสั่งให้หุ้นตัวนั้น ใช้บัญชี cash balance หรือบัญชีเติมเงิน ซึ่งหากต้องการซื้อหุ้นตัวนั้น ต้องใช้บัญชีเงินสดเท่านั้น ดังนั้นแม้หุ้นจะติด Cash Balanceแต่พื้นฐานก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

ทำไมOR เข้าข่ายติด cash balance

ต้องยอมรับว่า OR มีโอกาสสูงมากแล้วที่จะโดนมาตรการดังกล่าว ล่าสุดนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดระบุว่า OR มีโอกาสสูงติด Cash Balance 6 สัปดาห์ ตั้งแต่สัปดาห์หน้า เพราะเข้าเกณฑ์ทุกประการแล้ว แต่ราคาปิดวันพฤหัสต้องมากกว่าหรือเท่ากับ 27.00 บาท
อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องการซื้อขาย OR ไม่สูง เป็นที่น่าสังเกตว่าสภาพคล่องการซื้อขาย (Free Float) ของ OR อยู่ในเกณฑ์ต่ำที่ 24.5% เทียบกับ DELTA ที่ 22.4% จึงมีโอกาสที่จะเข้ากรณีเดียวกัน นั่นคือมีข่าวเรื่องการเก็งกำไรหุ้น Free Float ต่ำ แต่หากเทียบกับหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มาก่อนหน้าคือ PTT และ PTTEP ซึ่งอยู่ใน SET 50 เช่นกัน แล้วไม่มีปัญหานี้ เพราะมีค่า Free Float อยู่ในระดับที่สูงคือ 48.9% และ 35.2% ตามลำดับ

กองทุนไทย-ต่างชาติต้องสะสม

ราคาหุ้น OR ปรับเหนือจอง 89% แล้ว คาดว่าได้รับความนิยมสูง เพราะเป็นหนึ่งในเรือธงทางธุรกิจของกลุ่ม PTTแนวโน้มธุรกิจมีความสดใส คือเป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมันค้าปลีก (ส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ที่ 41.9%) และบริษัทได้ขยายไปทำธุรกิจค้าปลีกที่ไม่ใช้น้ำมันด้วย ซึ่งธุรกิจหลักๆ ได้แก่ กาแฟอเมซอน (3,168 ร้าน), เท็กซัส ชิคเก้น, ฮั่งเซ่งฮงติ่มซำ, ร้าน 7-11, ร้าน Jiffy เป็นต้น และจะมีการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศมากขึ้นในอนาคต เพื่อเสริมการเติบโตอีกด้วย
นอกจากนี้กองทุนประเภท Passive ต้องมี OR ไว้ เนื่องจาก OR มี Market Cap ที่สูงมากถึง 3.95 แสนล้านบาทในปัจจุบัน จึงได้เข้า Fast Track ทั้ง SET 50 และ SET 100 อีกทั้งล่าสุดได้คัดเลือกเข้า MSCI Global Standard ซึ่งเป็นการจัดพอร์ตระดับโลก มีผล 25 ก.พ.64 ทำให้ทั้งกองทุนไทยและต่างประเทศให้ความสนใจสูง ที่จะต้องสะสม OR เข้ามาไว้ในพอร์ตตรงตามวัตถุประสงค์การลงทุนแบบ Passive ตามดัชนี SET 50, SET 100 หรือ MSCI Global Standard
ขณะที่ในแง่การประเมินมูลค่าหุ้นพบว่าแพงแล้ว โดยฝ่ายวิจัยประเมินได้ว่า P/E และ P/BV ของ OR สูงเป็น 37.4 และ3.8 เท่า ตามลำดับ สูงกว่าเทียบกับ PTT ที่ 13.8 และ1.2 เท่า ตามลำดับ และ PTTEP ที่ 15.3 และ1.2 เท่า ตามลำดับ ขณะที่อัตราการเติบโตของกำไรหลักปี 64 ของ OR เทียบกับปีก่อน เพียง +3% เทียบกับ PTT และ PTTEP ที่มีการฟื้นตัวสูงเป็น +65% และ +36% ตามลำดับ
โดยระยะกลางอาจจะหลุดจาก SET 50 หรือ SET 100 เมื่อตลาดใช้เกณฑ์ Free Float Adjusted Market Capitalization เปลี่ยนจากปัจจุบันที่เป็น Full Market Capitalization Method คือจะมีการนำ Free Float ของหลักทรัพย์มาปรับ Market Capitalization ก่อนที่จะจัดลำดับเข้าสู่ SET 50 หรือ SET 100 ดังนั้นการที่ OR มี Free Float ที่ต่ำ จึงมีโอกาสจะหลุดได้เมื่อตลาดหลักทรัพย์ฯนำวิธีดังกล่าวมาเริ่มปฏิบัติ
ดังนั้นแนะนำ ทยอยขายทำกำไร โดยเฉพาะเมื่อราคาปรับสูงขึ้น จากในช่วงนี้ที่ได้รับความนิยมสูง เพราะเพิ่งจะเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ และจากราคาปิดเทียบกับราคาพื้นฐานในปัจจุบันของ OR ที่ 21.00 บาท มีส่วนลดแล้วถึง -38% เทียบกับ PTT (ราคาพื้นฐาน 50.00 บาท) และ PTTEP (ราคาพื้นฐาน 125.00 บาท) ที่ยังมีส่วนเพิ่มเป็น +21% และ+9% ตามลำดับ แสดงว่าทั้ง PTT และ PTTEP มีความน่าสนใจมากกว่า OR
ทางด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บอกว่า ORเข้า MSCI & SET50 แบบ Fast Track แน่นอนแล้ว แบ่งเป็น OR เข้า SET50 แบบ Fast Track ไปแทน TTW ที่หลุด SET50 และแทน TKN ที่หลุด SET100 โดย OR จะมีเม็ดเงิน Passive Fund ปรับน้ำหนักตามราว 1,535ล้านบาท ในวันที่ 17 ก.พ. นี้
2.OR เข้า MSCI แบบ Fast Track จะมีผล ปรับน้ำหนักในวันที่ 25 ก.พ. นี้โดย OR จะมีเม็ดเงิน Passive Fund ปรับน้ำหนักตามราว 129.5 ล้านเหรียญฯ (ราว 3,885ล้านบาท) และ3. ทุก 1% ที่ OR ขยับขึ้น หนุน SET ได้ 0.3 จุด

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0