หลาย ๆ คนคงได้ยินข่าวมาว่า นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีประกาศที่จะให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพบอลโลก ในปี 2034 ร่วมกับอีก 3 ประเทศอาเซียน ใช่แล้วครับทุกคน เราอ่านกันไม่ผิดหรอก ตอนนี้ท่านนายกลูกหนังของเราพร้อมแล้ว ประเทศไทยล่ะพร้อมหรือยัง? ไปดูกัน
FIFA เลือกเจ้าภาพจากอะไร?
การที่จะได้เป็น เจ้าภาพบอลโลก แต่ละประเทศจะต้องเสนอชื่อเพื่อให้ทางฟีฟ่าพิจารณา โดยทางฟีฟ่าจะพิจารณาตั้งแต่เรื่อง ความปลอดภัยของประเทศ การสนับสนุนจากรัฐบาล ไปจนถึงมาตราฐานของสนามแข่งขัน และทางฟีฟ่าได้กำหนดมาตราฐานของสนามแข่งขันไว้ 3 ข้อคือ
สนามที่มีความจุ 80,000 คน 1 สนาม สำหรับพิธีเปิดและรอบชิงชนะเลิศ
สนามที่มีความจุ 60,000 คน 2 สนาม สำหรับรอบรองชนะเลิศ
สนามที่มีความจุ 40,000 คน 10 สนาม สำหรับการแข่งขันทั่วไป
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สนามแข่งขันจะต้องมีการรักษาความปลอดภัยที่ดี การคมนาคมที่สะดวก ที่ทำให้ฟีฟ่ามั่นใจว่าประเทศนี้แหละเหมาะสมที่จะเป็นเจ้าภาพ
มาถึงตรงนี้ทุกคนคงจะสงสัยล่ะสิว่า… แล้วประเทศไทยล่ะ มีสนามการแข่งขันที่ว่ามานี้หรือเปล่า?
ตอนนี้ถ้าให้พูดถึงสนามการแข่งขันที่จุคนได้มากที่สุดของประเทศไทย คงจะไม่พ้นสนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่สามารถจุคนได้ประมาณ 45,000 คน นี่ยังไม่พูดถึงมาตราฐานความปลอดภัยเลยนะ แค่นึกก็จะเป็นลมแล้ว ไหนจะเรื่องของการคมนาคม และสนามการแข่งขันอื่น ๆ อีก… ไม่รู้จะต้องหลับอีกกี่ตื่นถึงจะได้เห็นกัน
เพราะอย่างนั้น เราจะต้องใช้เงินในการพัฒนาและปรับปรุงประเทศให้พร้อมสำหรับการเป็น เจ้าภาพบอลโลก
ว่าแต่.. เป็นเจ้าภาพทั้งทีจะต้องใช้เงินเท่าไหร่? เรามาดูค่าใช้จ่ายย้อนหลังในแต่ละปีกัน
ค่าใช้จ่ายย้อนหลังของเจ้าภาพบอลโลกที่ผ่านมา
ปี 2010 ประเทศแอฟริกาใต้ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 3,600 ล้านดอลลาร์ (1.2 แสนล้านบาท)
ปี 2014 ประเทศบราซิล มีค่าใช้จ่ายประมาณ 5,400 ล้านดอลลาร์ (1.7 แสนล้านบาท)
ปี 2018 ประเทศรัสเซีย มีค่าใช้จ่ายประมาณ 12,00 ล้านดอลลาร์ (4 แสนล้านบาท)
จากตัวเลขแล้วก็ดูเยอะพอสมควรเลย แต่ทุกคนอย่าลืมนะครับว่า ประเทศเจ้าภาพที่กล่าวมา ก็มีสนามการแข่งขันกันอยู่บ้างแล้ว โดยเฉพาะรัสเซียที่สร้างสนามแข่งขันเพิ่มเพียงเล็กน้อย และก็ปรับปรุงสนามที่เหลือให้ดูทันสมัยขึ้นและเอาเงินไปลงทุนกับเรื่องอื่น ๆ ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและรองรับนักท่องเที่ยวสำหรับเทศกาลการแข่งขันบอลโลก
พอมองกลับมาที่บ้านเรา ถ้าจะให้คำนวณจริง ๆ คงจะเป็นเรื่องยาก… งั้นทางเราจะประมาณค่าให้คร่าว ๆ ดังนี้
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณสำหรับประเทศไทย
สนามความจุ 80,000 ค่าใช้จ่ายในการสร้าง 5 พันล้านบาท
สนามความจุ 60,000 ค่าใช้จ่ายในการสร้าง 4 พันล้านบาท
สนามความจุ 40,000 ค่าใช้จ่ายในการสร้าง 3 พันล้านบาท
นี่เอาแค่ 3 สนามนะครับ เพราะว่าประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพร่วมน่าจะแบ่งกันใช้สนามแข่งขันกัน แต่มีค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ถึง 1 หมื่นล้านบาทแล้ว! อาจจะดูไม่เยอะเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่ก็อย่าลืมเราต้องพัฒนาและปรับปรุงเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย คาดว่าค่าใช้จ่ายน่าจะไม่แตกต่างจากประเทศอื่นมากนัก
ข้อดีและข้อเสียจากการเป็นเจ้าภาพบอลโลก
ข้อดี แน่นอนการที่เราเป็นเจ้าภาพเราก็จะได้เปรียบในเรื่องของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ของประเทศ การโปรโมท ค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด แต่นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับการวางแผนการตลาดที่ดีด้วยนะครับถึงจะได้กำไร
ข้อเสีย อย่างแรกคือใช้งบประมาณมหาศาลแน่นอนครับ ทุก ๆ เรื่องต้องใช้เงินเสมอ อย่างที่สองคือต้องมีความรับผิดชอบและมาตราฐานที่สูง ทุกคนอาจจะยังจำการเป็นเจ้าภาพฟุตซอลโลกครั้งล่าสุดของประเทศไทยได้อย่างดี มีปัญหาในเรื่องของการสร้างสนามล่าช้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงภาพลักษณ์ของประเทศเจ้าภาพอย่างแน่นอน
ตอนนี้เราก็ได้เห็นภาพรวมของการเป็นเจ้าภาพบอลโลกกันมาบ้างแล้วนะครับ ก็เป็นกำลังใจให้กับท่านนายกลูกหนังที่จะพาประเทศไทยก้าวไปสู่บอลโลกในอีก 16 ปีนะครับ :)
Reference :
https://www.fifa.com/mm/document/affederation/administration/01/39/20/45/web_fifa_fr2010_eng[1].pdf
https://www.fifa.com/mm/document/affederation/administration/02/56/80/39/fr2014weben_neutral.pdf