โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เปิดงบไตรมาสแรกหุ้นลีสซิ่ง ใครกำไรสุทธิมากกว่ากัน

Wealthy Thai

อัพเดต 09 ส.ค. 2566 เวลา 18.56 น. • เผยแพร่ 19 พ.ค. 2564 เวลา 09.15 น. • ศุภมาศ ศรีขำ

หุ้นลีสซิ่งมักอยู่ในความสนใจของนักลงทุนเสมอ เพราะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิต รวมถึงยังมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคารได้ ดังนั้นการหันมาของสินเชื่อจากบริษัทลีสซิ่งก็เป็นอีกวิธีที่ง่ายและสะดวก โดยหุ้นลีสซิ่งที่ถูกพูดถึงบ่อยๆ คือ SAWAD หรือ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), MTC หรือ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน), TIDLOR หรือ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) และ SAK หรือ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
ซึ่งวันนี้ Wealthy Thai จะพาไปดูว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ของหุ้นทั้ง 4 ตัวเป็นอย่างไร ยังเติบโตดีอย่างที่หลายฝ่ายคาดหวังหรือไม่ และด้วยการแข่งขันด้านดอกเบี้ยในอุตสาหกรรมที่รุนแรงขึ้น นักวิเคราะห์ประเมินการเติบโตของหุ้นแต่ละตัวไว้อย่างไร
เริ่มที่หุ้นตัวแรก SAWAD มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 1,422.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 321.55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.22% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 1,100.62 ล้านบาท โดยนางสาวดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลงานไตรมาสแรกเกินเป้าหมาย แม้จะมีการลดดอกเบี้ยเพื่อดูแลลูกค้าในช่วงสถานการณ์ Covid-19 แต่บริษัทก็มีรายได้อื่นๆ และค่าบริการที่เพิ่มขึ้นมาชดเชยได้ นอกจากนี้กลุ่มศรีสวัสดิ์ยังมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 916.37 ล้านบาท ลดลงกว่า 78.66 ล้านบาทหรือลดลง 7.91% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 995.03 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มการเติบโตของปี 2564 นางสาวดวงใจ กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้และพอร์ตลูกหนี้จะเติบโต 20% รวมทั้งประมาณการว่ากำไรจะเติบโตอย่างน้อย 20% โดยปีนี้กลุ่มศรีสวัสดิ์มีความพร้อมสูงในการแข่งขันทุกรูปแบบ เพราะช่วงที่ผ่านมามีการปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ขณะที่รายได้จากค่านายหน้าขายประกันก็มีแนวโน้มการเติบโตในอัตราที่สูง
ด้านนักวิเคราะห์จากบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า คาดกำไรสุทธิปี 2564 ของ SAWAD จะเพิ่มขึ้น 23.0% จากการขยายสาขา และเน้นปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่มากขึ้น ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/64จะอ่อนตัวลงจากไตรมาส 1/64 จากแนวโน้มการตั้งสำรองหนี้ฯ เพิ่มขึ้นหักล้างส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัทเงินสดทันใจ ที่เพิ่มขึ้นไปได้ทั้งหมด โดยแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 95 บาท
หุ้นตัวต่อไป MTC มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ที่ 1,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.02%เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากยอดสินเชื่อคงค้างที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้มียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 73,547 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,873 ล้านบาท หรือ 17.35% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยนายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ ทำให้บริษัทปรับแผนการดำเนินงานบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้ทำให้การดำเนินงานสะดุด บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาตามแผนเดิมที่วางไว้ โดยปีนี้วางงบลงทุนสำหรับการขยายสาขาไว้ที่ 300 ล้านบาท รองรับแผนเปิดเพิ่มอีก 600 สาขา ซึ่งคาดว่าจะครบ 5,500 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อรองรับความต้องการสินเชื่อของกลุ่มลูกค้าตามต่างจังหวัด โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อยที่ต้องการสินเชื่อที่ไม่ยุ่งยาก เป็นธรรม และ ลดการพึ่งพาสินเชื่อนอกระบบ ซึ่งหวังผลักดันพอร์ตสินเชื่อเติบโต 20-25% และวางเป้าคุม NPL ไม่เกิน 2%
ด้านบล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่า ไตรมาส 1/64 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นและอุตสาหกรรมมีการแข่งขันด้านดอกเบี้ย แต่กำไรของ MTC ยังเติบโตได้ 11% โดยแนวโน้มไตรมาส 2/64 จะเป็นช่วงไฮซีซั่น คาดว่าจะดันความต้องการสินเชื่อ รวมถึงบริษัทเร่งปล่อยผลิตภันฑ์ใหม่อย่างสินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซต์ ซึ่งช่วยดันยิลล์ให้เพิ่มขึ้นชดเชยการลดดอกเบี้ย จึงมีโอกาสที่กำไรไตรมาส 2/64 จะทำนิวไฮต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ประเมิน Covid-19 กระทบกลุ่มลูกค้าน้อย ยังคุม NPL ต่ำกว่า 1% ได้ โดยราคาหุ้นที่อ่อนตัว เป็นโอกาสเข้า “ซื้อลงทุน” ยังชอบหุ้น MTC ถือเป็นหุ้น growth Stock ที่มีความสามารถในการทำกำไรสูงสุดและมี upside 36% สูงสุดในกลุ่มจำนำทะเบียนรถ
สำหรับ TIDLOR ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ที่ 783 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 701 ล้านบาท ด้านรายได้รวมอยู่ที่ 2,882.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,869 ล้านบาท แม้กับการระบาดของ Covid-19 แต่ดอกเบี้ยรับจากเงินให้กู้ยืมปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สอดคล้องกับพอร์ตสินเชื่อเงินให้กู้ยืมปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า กำไรสุทธิไตรมาส 1/64 เติบโตจากไตรมาส 4/63 จาก Credit cost ที่ลดลง และสินเชื่อที่เติบโตต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ คาดสินเชื่อจะยังขยายตัวต่อหนุนทิศทางกำโรสุทธิไตรมาส 2/64ให้ดีขึ้น และคาดกำไรสุทธิปี 2564จะเติบโตถึง 26% จากปีก่อน แต่ราคาหุ้นมี Upside จำกัด จึงแนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 44 บาท
และหุ้นตัวสุดท้าย SAK มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 118.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 103.2 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 396.2 ล้านบาท ลดลง 5.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 418.3 ล้านบาท เป็นผลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำหรับการให้สินเชื่อตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 63 ส่วนแนวโน้มการเติบโตในช่วงที่เหลือของปี นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมุ่งตอกย้ำเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเป็นธรรม เข้าใจและเข้าถึง ให้แก่ประชาชน โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและยกระดับการให้บริการปล่อยสินเชื่อได้อย่างรวดเร็วและใช้เป็นเครื่องมือควบคุมความเสี่ยงเรื่องคุณภาพของสินเชื่อและบริหารจัดการ NPLs ให้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม จึงมั่นใจว่าผลดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นไปตามเป้าหมายโดยพอร์ตสินเชื่อทั้งปีแตะ 8,400 ล้านบาท

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0