นาทีต้องยอมรับว่า “พรรคอนาคตใหม่” อยู่ในอาการที่หนักหนาสาหัส มากกว่าใครเพื่อน เพราะหลังจากที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” มีอันต้องพ้นจากสถานะ “ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ” เหลือเพียงตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค” อันเป็นผลมาจากการความผิดจากการถือหุ้นในธุรกิจสื่อ จนถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปเมื่อสดๆร้อน ๆ
ล่าสุดคอการเมืองตลอดจน “ลูกพรรค” ยังต้องรอลุ้นชะตากรรมของ “พรรค”กันอีกช็อตว่า จะถูกยุบพรรคหรือไม่ ภายหลังจากที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ “ยุบพรรค” ตามมาตรา92วรรคหนึ่ง(3)ประกอบมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
สืบเนื่องจากกรณีที่ ธนาธร ให้พรรคกู้ยืมเงินทั้งสิ้น 191 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
หมายความว่า บ้านของพรรคอนาคตใหม่ อยู่ในจุดที่ไม่มั่นคง ไม่อาจสร้างความมั่นใจ ให้กับลูกพรรคได้ ว่าจะอยู่หรือไม่ เพราะลำพังตัวหัวหน้าพรรคเอง ยังต้องหลุดจากเก้าอี้ส.ส. หมดโอกาสที่จะเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร
และหากที่สุดแล้วศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัย ออกมาในทางที่เป็น “โทษ” ต่อพรรคอนาคตใหม่ พรรคถูกยุบ สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา คือปรากฎการณ์ “ผึ้งแตกรัง” ส.ส.เขต ยังจะพอหาพรรคการเมืองใหม่ เข้าสังกัด เพื่อเอาชีวิตรอดได้
ส่วน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ที่มีชื่อเป็น “กรรมการบริหารพรรค” จะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 92 (3) พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
เมื่อพลิกดูรายชื่อกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 15 คน จะพบว่า เป็น ส.ส. ถึง12 คน ยกเว้นธนาธร ,รณวิต หล่อเลิศสุนทร ,นิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ เหรัญญิก และสุนทร บุญยอด นอกนั้นส.ส.ตัวหลักๆของพรรค จะหายไปจากสารบบทันที ไม่ว่าจะเป็น ปิยบุตร แสงกนกกุล , พรรณิการ์ วานิช, ชำนาญ จันทร์เรือง และพล.ท.พงศกร รอดชมภู
ทั้งนี้มีรายงานความเคลื่อนไหวมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ส.ส.เขตของพรรคอนาคตใหม่ ทั้ง 30กว่าชีวิตนั้น ถูก “พรรคการเมือง” ปีกรัฐบาล จับจองตัวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ ส่วนที่คาดการณ์กันว่าจะย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทย หรือในปีกพรรคฝ่ายค้านนั้นดูจะเป็นเรื่องยาก เพราะนาทีนี้ใครอยากจะเป็น “ฝ่ายค้าน” ขาดโอกาสที่จะได้ “ไปต่อ” ในทางการเมือง
รวมทั้งกรณีที่มีข่าวว่าพรรคอนาคตใหม่ ได้เตรียมทำพรรคสำรอง ขึ้นมาเพื่อรองรับ ส.ส.ของพรรคนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นกันว่า ท้ายที่สุดแล้วจะเหลือ ส.ส.เขต คนใดย้ายไปสังกัดสักกี่ราย
การเปิดโต๊ะเจรจาเพื่อดึงส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่ เข้ามาร่วมงานกับฝ่ายรัฐบาลนั้นมีมาโดยตลอด และยิ่งตอกย้ำความเป็นจริงมากขึ้นทุกขณะ เมื่อมี “งูเห่าสีส้ม” ปรากฎตัวกลางสภาฯ มาแล้วหลายครั้งหลายคราว จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่นี่คือ “ฉากเปิดตัว” ในเบื้องต้นที่ทำให้ ทั้งธนาธรและปิยบุตร เองพยายามหาทางอุดรอยรั่วมาโดยตลอด แต่ทว่าเร็วๆนี้ คาดว่า นอกจากจะไม่สามารถอุดรอยรั่วได้แล้ว ยังจะได้เห็น ลูกเรือพากันกระโดดหนี เร่งสละเรือโดยไว !!
