เชื่อว่านักลงทุนจำนวนมากเจอกับปัญหา หุ้นขึ้นไม่มีเรา แต่หุ้นลงโดนเราเต็มๆ หรือเราขายตัวเดิมไปซื้อตัวใหม่ แต่หุ้นตัวเดิมที่เราถือมานาน กลับวิ่งขึ้น ตัวใหม่ที่เราไปซื้อกลับไม่วิ่งเลย
ปัญหานี้เกิดจากอะไร ….เกิดจาก "จังหวะ" เรายังไม่ดีพอ
ก็เหมือนกับการไปขึ้นรถเมล์ ถ้าเราขึ้นรถเมล์ที่จุดเริ่มต้นของอู่รถเลย แน่นอนว่าเราได้นั่งแน่ๆ นั่งตรงไหนก็ได้เลือกที่โดนแอร์ สบายที่สุด กระแทกน้อยที่สุด ไม่ต้องแย่งกับใคร แต่ปัญหาคือเราไม่แน่ใจว่าคันไหนจะได้ออกก่อน รอแล้วรอเล่า คันของเราก็ไม่วิ่งสักที
ดังนั้น ถ้าเราไม่อยากรอนานก็ต้องมี "จังหวะ" ในการซื้อหุ้นที่ดี ซื้อในช่วงที่มันวิ่ง เป็นที่นิยม คนเข้ามาเล่นแล้ว แต่ข้อเสีย คือ หุ้นตัวนั้นไม่ถูกแล้ว มีคนซื้อก่อนเราแล้ว นั่งก่อนเราแล้ว กำไรก่อนเราไปหลายคนแล้ว เราทำใจได้ไหมที่จะซื้อต่อจากพวกเขา เหมือนกับการขึ้นรถเมล์ เรารอขึ้นหน้าป้าย ถ้ารถคันไหนออกวิ่งเราก็กระโดดเกาะเลย อาจจะต้องแย่งกันขึ้นบ้าง เบียดเสียดกันบ้าง หรือมีตกลงมาบาดเจ็บบ้าง
เครื่องมือสำคัญในการดูจังหวะ คือ กราฟเทคนิค …
กราฟสัญญาณทางเทคนิค ที่ต้องจำไว้ มี 2 ข้อ คือ
1. หุ้นหยุดทำจุดต่ำสุด -- ถ้ามีจุดต่ำสุด แสดงว่าหุ้นยังเป็นขาลง
- มีสัญญาณ กลับตัว -- เช่น Divergence วิ่งทะลุ Trendline หุ้นมีวอลุ่ม เป็นต้น
หรือถ้าหากเราไม่แน่ใจ ลองซื้อก่อนสัก 1-2 ไม้ ด้วยเงินน้อยๆเพื่อลองดูว่าหุ้นสามารถยืนได้ไหม ถ้ามีจุดต่ำสุด เราก็เตรียม Cutloss ได้เลยแสดงว่าขาลงยังไม่จบ หรือเรามองอะไรผิดไปบางอย่าง
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน เพราะ "จริต" แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบซื้อหุ้นที่ไม่มีคนสนใจ แล้วถือไว้รอจนกว่าคนจะมาเล่น เพราะเห็นหุ้นมูลค่าถูกๆ มีสตอรี่บางอย่างซ่อนอยู่ ส่วนตัวเองก็ไปทำงานประจำ พอหุ้นขึ้นก็ค่อยขาย แต่สำหรับบางคนเป็นเทรดเดอร์เก็งกำไรรายวัน ก็ไม่ควรซื้อแล้วรอ จับจังหวะหุ้นวิ่งค่อยซื้อ ยอมให้มันแพงขึ้นมาหน่อย แต่ดีตรงที่ว่าเราไม่จำเป็นต้องรอ
"จริต" ของเราอยู่ตรงไหน ต้องตอบตัวเองให้ได้ …..
stock2morrow
ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่
