โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ช็อกวงการผ้าเหลือง "เจ้าคุณดัง" แอบลาสึกเงียบ

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 21 ก.ค. 2562 เวลา 16.45 น. • เผยแพร่ 21 ก.ค. 2562 เวลา 22.05 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

พระราชธรรมสารสุธี น้อยใจเจอ ‘กล่าวหา’ ตั้งสีกาเป็นที่ปรึกษา โดนมองเป็นคนเลว

ช็อกวงการสงฆ์ จู่ๆ “พระราชธรรมสารสุธี” รองเจ้าคณะ จ.ศรีสะเกษ วัย 72 ปี ลาสิกขาแบบเงียบๆ ก่อนเข้าพรรษาสัปดาห์เดียว โดยมีการแชร์ภาพหนังสือชี้แจง อ้างน้อยใจถูกกล่าวหาสร้างความเสื่อมเสียให้โรงเรียนวัดมหาพุทธารามที่เป็นผู้ขอใบอนุญาตจัดตั้ง ทิ้งจดหมายคำชี้แจงตัดพ้อ ถูกกล่าวหาว่าตั้งสีกาเป็นที่ปรึกษา นำมาซึ่งความเสื่อมเสียให้โรงเรียน ทั้งที่ตั้งใจพัฒนาโรงเรียน จึงยอมยุติบทบาททุกอย่าง พร้อมกำหนดเส้นทางเดินของตัวเอง

กลายเป็นเรื่องฮือฮาในวงการสงฆ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงฆ์อีสานขึ้นมาทันที เมื่อมีข่าวพระชั้นผู้ใหญ่ชื่อดังในภาคตะวันออกเฉียงเหนือลาสิกขาแบบกะทันหัน โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 21 ก.ค. มีการส่งต่อหนังสือชี้แจงของพระราชธรรมสารสุธี (ธีรังกูร ธีรงฺกุโร ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดมหาพุทธาราม รองเจ้าคณะ จ.ศรีสะเกษ ผอ.วิทยาลัยสงฆ์ศรีสะเกษ และผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนวัดมหาพุทธาราม พร้อมทั้งข้อความระบุว่า “พระราชธรรมสารสุธี ได้ลาสิกขาแล้ว โดยไม่ทราบสาเหตุ” ผ่านทางไลน์กลุ่มของทางคณะสงฆ์ หนังสือชี้แจง ลงวันที่ 28 มิ.ย.2562 มีใจความสำคัญระบุว่า ตามที่ผู้รับใบอนุญาตฯ ได้แต่งตั้งให้นางณัฐสวิตตา ธนาภัคฉัตรสิริ เป็นที่ปรึกษา พร้อมทั้งได้มีการปรับปรุงบุคลากร จัดระบบรถรับส่งนักเรียนให้เหมาะสมและปลอดภัย แต่งตั้งคณะครูเป็นกรรมการตรวจนับจำนวนนักเรียนที่ขึ้นรถทำให้เกิดความไม่พอใจกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง อาจเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และอีกสาเหตุมาจากสถานะทางการเงินที่ไม่โปร่งใส เป็นเหตุให้มีครูหลายคนมาร้องเรียนผู้รับใบอนุญาตฯ ขณะเดียวกันตนก็ได้มีคำสั่งให้ครูที่บกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่บางคนพ้นจากตำแหน่งไป แต่กลับมีผู้บริหารโรงเรียนบางคนระแวงสงสัยแล้วปลุกระดมครู ผู้ปกครอง นักเรียน ว่าที่โรงเรียนวุ่นวายเพราะนางณัฐสวิตตาเข้ามาคุมระบบการเงินของโรงเรียน ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง แต่ทางผู้จัดการโรงเรียน ผอ.โรงเรียน รอง ผอ.โรงเรียน กลับทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นเหตุให้เจ้าคณะ จ.ศรีสะเกษ ผู้ว่าราชการจังหวัด ศึกษาธิการจังหวัด ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ นัดหารือกับตน และสอบถามข้อเท็จจริง และขอให้ทุกฝ่ายเร่งสร้างความเข้าใจเพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์ พร้อมตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาดังกล่าวขึ้นมาหนึ่งชุด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะการเสียผลประโยชน์จากกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม กล่าวหาให้ตนและนางณัฐสวิตตาเสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งที่เวลาตนเดินทางไปไหนและมีนางณัฐสวิตตาเดินทางไปด้วย จะมีพระเณร 3-4 รูป ติดตามไปด้วยทุกครั้ง ไม่เคยมีเรื่องผิดพระธรรมวินัย แต่สังคมกลับมองว่าเป็นเรื่องเสียหาย มีทัศนคติเชิงลบโดยไม่พิจารณาสิ่งที่กระทำ ยอมรับความถูกใจมากกว่าความถูกต้อง คนที่ตั้งใจทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมก็หมดกำลังใจ คนที่ทำงานอย่างโปร่งใสกลับถูกมองกลายเป็นคนเลว ช่วงระยะเวลาในการทำงานมากว่า 50 ปี ตนได้พิจารณาแล้วว่าในวันข้างหน้า ไม่ว่าจะทำงานประเภทใด ทั้งทางคณะสงฆ์ หรือส่วนอื่นๆ หากไปขัดผลประโยชน์ ก็จะถูกหยิบยกเอาเรื่องเดิมๆระหว่างตนกับนางณัฐสวิตตาขึ้นเป็นข้ออ้างทำลาย เมื่อคณะสงฆ์ สังคม ชุมชน เห็นว่าเราทำผิด ไม่เหมาะสมในสถานะเช่นนี้ ตนก็พร้อมจะยุติบทบาททุกอย่าง ทั้งทางคณะสงฆ์ และส่วนต่างๆ พร้อมกำหนดเส้นทางเดินของตัวเอง โดยไม่ต้องถูกบีบคั้นจากอิทธิพลภายนอก

ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กผู้ใช้นามว่า พระมหาพงษ์ศักดิ์ ญาณวีโร เลขานุการเจ้าคณะอำเภอยางชุมน้อย ได้โพสต์ข้อความว่า พระราชธรรมสารสุธี ได้ลาสิกขาแล้ว เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยพระราชกิตติรังษี เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ จะทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสวัดมหาพุทธารามต่อไป

จากนั้นผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามเรื่องนี้จากพระราชกิตติรังษี เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ แต่หลวงพ่อติดกิจนิมนต์ มีพระอุปัฏฐากเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลวงพ่อรองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ได้มายื่นหนังสือขอลาสิกขากับหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดเมื่อวันที่ 8 ก.ค.2562 แต่ไม่ได้ขอให้เจ้าคณะจังหวัดสึกให้ ท่านเจ้าคณะจังหวัดได้สอบถามถึงเรื่องราวว่าเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงจะสึก ทางพระราชธรรมสารสุธี ตอบว่าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ตอนนี้เลยเวลาแล้ว ไม่ขอพูดอะไรอีก แล้วก็ลาจากไป

“ต่อมาทราบว่าท่านได้ไปสึกกับพระศรีธรรมาภรณ์ เจ้าคณะอำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ จึงเชื่อได้ว่าเป็นความจริงที่พระราชธรรมสารสุธี รองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษได้ลาสิกขาแล้ว ส่วนรายละเอียดไม่ทราบได้” พระอุปัฏฐากกล่าว

ทั้งนี้ พระราชธรรมสารสุธี ปัจจุบันอายุ 72 ปี พรรษา 49 มีชื่อเสียงในด้านการจัดการศึกษาคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก เป็นผู้ขอใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนวัดมหาพุทธาราม เป็นโรงเรียนการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังได้รับการแต่งตั้งเป็น ผอ.วิทยาลัยสงฆ์ศรีสะเกษด้วย ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2553 การลาสิกขาของพระราชธรรมสารสุธี สร้างความตกใจระคนแปลกใจให้กับแวดวงการศึกษาคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่าหลังจากลาสิกขา พระราชธรรมสารสุธีได้ออกจากพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ แต่ยังไม่มีรายงานว่าไปอยู่ที่ใด

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0