จากกรณีที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติให้เลิกใช้ 3 สารเคมีทางการเกษตร คือ พาราควอต ไกลโฟเซต คลอร์ไพริฟอส ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2562 โดยห้ามผลิต ห้ามนำเข้าและห้ามมีไว้ในครอบครอง
วันที่ 14 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาจังหวัดนครสวรรค์ ยังยันที่จะใช้ สารเคมี 3 ชนิดนี้ต่อไป หากรัฐบาลยังไม่สามารถหาสารอื่นที่มีราคาถูกเข้ามาทดแทนได้
นางวรรณา พรหมเพียร และกลุ่มเพื่อนชาวนาอีกหลายหลายคนในพื้นที่ อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ เปิดเผยว่า ชาวนาทราบดีว่าทางรัฐบาลจะยกเลิกและใช้กฎหมายบังคับห้ามจำหน่ายและใช้สารเคมีทั้ง 3 ตัว แต่ก่อนหน้านี้ชาวนาส่วนใหญ่ได้ซื้อตัวยาที่จำเป็นทั้ง 3 ชนิดกักตุนกันไว้บ้างแล้ว และยังคงยืนยันว่าจะไม่ทำลายหรือทิ้งสารเคมีที่ซื้อมาอย่างเด็ดขาด และจะต้องลักลอบใช้ตัวยาทั้ง 3 ชนิดจนหมด หลังจากนั้นค่อยหาวิธีว่าจะหายาตัวไหนเข้ามาทดแทน
ขณะเดียวกันอยากฝากไปยังรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าหากจะยกเลิกจริงและจับจริง ก็ควรจะหายาตัวอื่นที่มีคุณสมบัติและราคาที่ใกล้เคียงกัน เนื่องจากว่ายาตัวอื่นที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดมีราคาสูงเกินไป ซึ่งจะเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตให้กับชาวนา
วันเดียวกัน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ประจำปี 2563 ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ ถึงการพิจารณางบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ได้นำเสนอการทำงานและงบประมาณในที่ประชุม ข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจ คือการกำจัด พาราควอต-ไกลโฟเซต-คลอร์ไพริฟอส มีค่าใช้จ่ายตันละ 1 แสนบาทเพราะต้องใช้วิธีกำจัดพิเศษ ปัจจุบันมีค้างสต๊อกอยู่ 2 หมื่นตัน เท่ากับต้องใช้เงิน 2 พันล้านเพื่อกำจัดสารที่ค้างสต๊อกอยู่
วันนี้ในกมธ.พิจารณางบปี63 อธิบดีกรมวิชาการเกษตรนำเสนอการทำงานและงบในที่ประชุม ข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจ คือการกำจัด พาราควอต-ไกลโฟเชต-คลอร์ไฟริฟอส มีค่าใช้จ่ายตันละ 1 แสนบาทเพราะต้องใช้วิธีกำจัดพิเศษ ปัจจุบันมีค้างสต๊อกอยู่ 2 หมื่นตัน= ต้องใช้เงิน 2 พันล้านเพื่อกำจัดสารที่ค้างสต๊อก😱
— Thanathorn Juangroongruangkit (@Thanathorn_FWP) November 14, 2019