จากกรณีคนร้าย เป็นทหารสังกัดค่ายสุธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา ใช้อาวุธปืนสงครามยิงผู้บังคับบัญชา จากนั้นได้หลบหนี และกราดยิงใส่ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ในเมืองโคราช โดยคนร้ายหลบหนีเข้าไปอยู่ในห้างสรรพสินค้าเทอมินอล 21 โคราช ตั้งแต่ค่ำวันที่ 8 ก.พ. 63 กราดยิงคนในห้างเสียชีวิตและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 9 ก.พ. 63 เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการจับตายคนร้ายได้ ซึ่งสาเหตุจากโมโหที่ไม่ได้เงินส่วนต่างจากการกู้ซื้อบ้าน (อ่าน : จ่าแฉ! นายหน้าฟันเละ 40 ล้าน ใช้ค่าหัวคิวล่อ เหยื่อนับร้อยหลงเชื่อ แต่ทำเลบ้านไม่สมราคา)
โดยลักษณะการสร้างบ้านที่ขายให้นายทหารมี 2 โครงการ โครงการที่ 1 เป็นบ้านแฝด 8 หลัง เนื้อที่ 4 ตารางวา ภายในมี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว และ 1 ห้องนั่งเล่น ราคากู้ซื้อหลังละ 1.5 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่ 2 เป็นบ้านเดี่ยว 2 หลัง เนื้อที่ 4 ตารางวา ภายในมี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว และ 1 ห้องนั่งเล่น ราคากู้ซื้อหลังละ 1.5 ล้านบาทเช่นกัน
ทำเลที่ตั้งของบ้านในโครงการที่ 1 ห่างจากทางหลวงถนนมิตรภาพ 5 กิโลเมตร ในซอยเป็นถนนลาดยางยาวประมาณ 4.5 กิโลเมตร บ้านโป่งแมลงวัน ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ปากซอยเป็นทางลูกรัง มีฝุ่นตลบ ด้านหลังบ้านเป็นทุ่งหญ้ารกร้าง มีเสาไฟฟ้า แต่ไม่มีไฟส่องสว่าง ซึ่งห่างจากโครงการที่ 2 เพียง 200 เมตร ซึ่งเป็นบ้านในโครงการที่คนร้ายกู้ซื้อ บริเวณด้านหน้าบ้านเป็นไร่ข้าวโพด ด้านหลังเป็นไร่นา
วันที่ 14 ก.พ. 63 นางโอ๋ (นามสมมติ) ชาวบ้านที่ปลูกบ้านใกล้กับโครงการ 1 เป็นบ้านแฝดมีบ้านทั้งหมด 8 หลัง มีพื้นที่หลังละ 40 ตารางวา มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 ห้องนั่งเล่น ราคาหลังละ 1.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตนเองได้พูดคุยกับเจ้าของที่ดินที่เคยขายที่ในโครงการ 1 บ้านโป่งแมลงวันให้กับนายหน้าผู้หญิงเมื่อปี 2546 ตั้งแต่ที่ตรงนี้เป็นป่ารกร้าง สอบถามราคาที่ดินทราบว่า เมื่อปี 2546 นายหน้าได้มาซื้อที่ดินบริเวณบ้านโป่งแมลงวัน 80 ตารางวา ในราคา 40,000 บาท และตนเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ที่ดินผืนดังกล่าวจะมีราคาอยู่ที่เท่าไร
นางฟ้า (นามสมมติ) ภรรยาของจ่าทหาร ที่เคยกู้เงินในโครงการเคหะสงเคราะห์ อทบ. เปิดเผยว่า สามีของตนเองเคยกู้เงินจากโครงการเพื่อซื้อที่ดิน และบ้าน โดยมีนายหน้าเดินเรื่องทั้งหมดให้เมื่อปี 2549 สามียศ จ.ส.อ. กู้เงินขอซื้อที่ดิน 60 ตารางวา วงเงิน 130,000 บาท และได้เงินทอนหลักหมื่นบาท ตนจำตัวเลขชัด ๆ ไม่ได้ สามีเป็นคนรับเงินกับนายหน้าโดย และสามีของตนเองก็เสียชีวิตไป 5 ปีแล้ว
กระทั่งตนเองใช้หนี้ที่กู้ซื้อที่ดินหมด จึงคิดอยากจะปลูกบ้านในปี 2555 จึงได้นำโฉนดที่ดินไปทำเรื่องขอกู้เงินโครงการเคหะสงเคราะห์ อทบ. ในสวัสดิการทหารบก ตนเองก็ใช้ยศ คือ จ.ส.อ. ของสามีในการขอกู้เงิน ได้วงเงินกู้มาจำนวน 850,000 บาท ซึ่งตนก็ให้นายหน้าผู้หญิงคนเดิมเดินเรื่องให้ ตกลงกันว่าจะใช้สร้างบ้าน 700,000 บาท ซึ่งจะได้เงินทอน 150,000 บาท นายหน้าก็ทยอยคืนครั้งละ 10,000-30,000 บาทจนครบ ใช้เวลา 1 ปี
ทั้งนี้ ที่ตนเองตัดสินใจกู้เงินก็เพราะอยากได้เงินก้อนมาใช้จ่าย หลังจากที่บ้านของตนสร้างเสร็จ นายหน้าบอกกับสามีของตนว่าสนใจเป็นนายหน้าหาทหารมาทำโครงการกับเขาไหม ถ้าหามาได้จะให้ค่าหัว หัวละ 10,000 บาท เป็นค่าหาลูกค้าให้ แต่เนื่องจากสามีของตนเองไม่ถนัด จึงปฏิเสธข้อเสนอไป
อย่างไรก็ตาม มีทหารที่กู้เงินซื้อที่ดินและบ้านในโครงการ ผ่านนายหน้าคนเดียวกัน แต่ได้เงินส่วนต่างคืนไม่เท่ากัน บางรายก็ไม่ได้คืน ได้แก่ จ่าคิม กู้ซื้อบ้านและที่ดิน 1.5 ล้านบาท ได้รับเงินส่วนต่างคืน 350,000 บาท, จ่าท็อป กู้ซื้อที่ดิน 250,000 บาท ได้รับเงินส่วนต่างคืน 50,000 บาท, นางนัด เป็นแม่ของนายทหาร กู้ซื้อบ้านและที่ดิน 1 ล้านบาท ได้รับเงินส่วนต่างคืน 200,000 บาท
คนร้ายกู้ซื้อบ้านและที่ดิน 1.5 ล้านบาท นายหน้าอ้างว่าเหลือเงินส่วนต่าง 50,000 บาท แต่ไม่ได้รับเงินคืน, จ่าสมบัติ กู้ซื้อบ้านและที่ดิน 1.5 ล้านบาท นายหน้าอ้างว่าเหลือเงินส่วนต่าง 4,000 บาท แต่ไม่ได้รับเงินคืน และจ่าวัลลภ กู้ซื้อบ้านและที่ดิน 1.5 ล้านบาท
จ่าบอย (นามสมมติ) เพื่อนของคนร้าย เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ตนซื้อบ้านในโครงการ โดยกู้ซื้อ 1.5 ล้านบาท เท่ากับคนร้าย มีนายหน้าเดินเรื่องเอกสารให้คนเดียวกัน ส่วนจ่าสมบัติที่กู้ซื้อบ้านในโครงการ 2 เหมือนกับตน กลับเหลือเงินส่วนต่างที่ได้คืนแค่ 4,000 บาท จ่าสมบัติก็เคยไปทักท้วงกับนายหน้าหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้เงินคืน จึงปล่อยไป คิดว่าทำบุญ
นอกจากนี้ ปัญหาทุกอย่างเกิดจากนายหน้าหญิง ที่เป็นคนคุมทุกอย่างทั้งหมด ทั้งค่าไฟ การจัดการในกองพัน การกู้เงิน โครงการบ้านทุกอย่าง และทุกอย่างที่กล่าวมาก็กระทบกับคนร้ายและเพื่อนของตนเองทั้งหมด “เพราะถ้าไม่กระทบ คนร้ายก็คงไม่ไปยิงคนตาย” เพื่อนของคนร้าย กล่าว
โดยจากข้อมูลของผู้ที่เกี่ยวข้อง ภรรยาของนายหน้าระบุว่า เงินส่วนต่างของคนร้ายอยู่กับคนในบ้านที่เกิดเหตุ ส่วนสามีและลูกสาวของนางอนงค์ ผู้เสียชีวิต ระบุว่าเงินอยู่กับนายหน้า ตรงกับภรรยาของ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ ที่ระบุว่าเงินอยู่กับนายหน้า
อย่างไรก็ตาม นายทหารที่กู้ซื้อบ้านและที่ดิน ให้ข้อมูลว่า คนคุมทุกอย่างเป็นผู้หญิงที่จัดการเรื่องทั้งหมด ตั้งแต่การจัดหาที่ดิน การเตรียมเอกสารการกู้ให้ทหาร และหาช่างทำบ้าน เหมาก่อสร้างหลังละ 1 แสนบาท เมื่อโครงการสวัสดิการทหารอนุมัติให้กู้ ผู้หญิงคนดังกล่าวก็จะเป็นคนรับเช็คเงินทั้งหมด พร้อมดำเนินการจ่ายค่าหัวคิวให้กับคนที่ช่วยหาลูกค้า และคืนเงินค่าส่วนต่างให้กับผู้กู้
นอกจากนี้ ภรรยาของนายพิทยา นายหน้าที่เดินเรื่องให้คนร้าย ให้ข้อมูลว่า เงินจำนวน 50,000 บาทที่ได้รับมาแล้วไม่ได้ส่งต่อให้กับคนร้าย เพราะไม่ใช่เงินส่วนที่ต้องคืนให้ เนื่องจากเป็นเงินค่าหัวคิวที่หาลูกค้ามาให้กับผู้หญิงที่จัดการเรื่องกู้ซื้อบ้านให้คนร้าย
https://youtu.be/7C8J4_OnqTM