เทศบาลท้องถิ่นนครอู่ฮั่นที่กำลังเผชิญวิกฤตการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ทำให้เกิดอาการปอดอักเสบ และขณะนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้วอย่างน้อย 853 รายและผู้เสียชีวิต 26 ราย ได้เร่งมือก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ขนาด 1,000 เตียงเพื่อรับมือกับโรคระบาดนี้โดยเฉพาะ โดยขณะนี้การก่อสร้างได้เริ่มขึ้นแล้วในเขตไช่เตี่ยนทางทิศตะวันตกของนครอู่ฮั่น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเวลาเร่งรัดเพียง 6 วันเท่านั้น นั่นหมายถึงการพร้อมเปิดให้บริการรับผู้ป่วยต้นสัปดาห์หน้า
ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้มีมติออกมาแล้ววานนี้ (23 ม.ค.)ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ยังคงเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุขในระดับท้องถิ่นของจีนเอง จึงยังไม่ประกาศให้เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในระดับโลกเหมือนที่เคยประกาศในกรณีการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลาในแอฟริกา และโรคซาร์ส (โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง) เมื่อปี 2546 ซึ่งครั้งนั้นมีการติดเชื้อแพร่ระบาดจากจีนไปยังเกือบๆ 30 ประเทศทั่วโลก และทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 700 คน
เมื่อครั้งที่จีนรับมือกับโรคซาร์สในปี 2546 ก็ได้มีการสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทางขึ้นมาในเมืองหลวงปักกิ่งคือ โรงพยาบาลเสี่ยวตั๋งซาน รองรับผู้ป่วยโรคซาร์สโดยเฉพาะ โดยการก่อสร้างโรงพยาบาลในครั้งนั้นใช้เวลาเพียง 1 สัปดาห์ และภายในเวลา 2 เดือนหลังจากนั้นก็สามารถรองรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อซาร์สจำนวน 1 ใน 7 ของผู้ป่วยทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว และในท้ายที่สุดก็สามารถบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคซาร์สจำนวนเกือบๆ 700 คน
หนังสือพิมพ์ฉางเจียง เดลี สื่อท้องถิ่นของจีนรายงานว่า พื้นที่ก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ตั้งอยู่ในสวนริมทะเลสาบซึ่งอยู่บริเวณชานเมืองอู่ฮั่นซึ่งเป็นศูนย์กลางการกระจายเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในครั้งนี้ ระยะเวลาในการก่อสร้างที่เร่งรัดจัดทำให้แล้วเสร็จได้อย่างรวดเร็วนั้นเป็นไปได้เพราะใช้เทคนิคการก่อสร้างแบบใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตสำเร็จรูปจากโรงงานมาประกอบติดตั้งหน้างาน นอกจากนี้ ยังมีการระดมเครื่องจักรและรถขุด-รถถากหน้าดินจำนวนหลายสิบคันเข้าเตรียมพื้นที่ตั้งแต่คืนวันพฤหัสฯที่ผ่านมา (23 ม.ค.) เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ระบบการก่อสร้างที่กล่าวมานอกจากจะช่วยลดระยะเวลาในการก่อสร้างแล้ว ยังลดต้นทุนลงด้วย
นอกจากการสร้างโรงพยาบาลใหม่ในนครอู่ฮั่นขึ้นเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางรองรับผู้ป่วยโรคนี้แล้ว จีนยังออกมาตรการคุมเข้มคัดกรองผู้เดินทางตามสนามบินต่างๆภายในประเทศ และจำกัดการเดินทางขาออกจากนครอู่ฮั่นไม่ว่าจะเป็นทางบกหรือทางอากาศ พร้อมทั้งขอให้สายการบินต่างๆลดเที่ยวบินมายังนครอู่ฮั่นด้วยเพื่อให้ปฏิบัติการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังของจีนยังได้ประกาศจัดสรรงบ 1,000 ล้านหยวนหรือประมาณ 145 ล้านดอลลาร์ (ราว 4,350 ล้านบาท) สนับสนุนการทำงานของมณฑลหูเป่ย (ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครอู่ฮั่น) เพื่อการควบคุมโรค
จนถึงขณะนี้ ต้นเหตุของไวรัสดังกล่าวซึ่งเริ่มมีข่าวการแพร่ระบาดในนครอู่ฮั่นเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2562 ก็ยังคงเป็นปริศนาคลุมเครือแต่เชื่อว่าเป็นไวรัสโคโรนาจากสัตว์ป่าและกลายพันธุ์เข้ามาติดเชื้อในมนุษย์ และสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คน มีการเรียกชื่อชั่วคราวว่าเป็น ไวรัสสายพันธุ์ 2019-nCoV แต่สื่อเรียกอย่างลำลองว่าไวรัสอู่ฮั่น ตามชื่อสถานที่ต้นทางแพร่กระจายโรค
