นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึงกรณีที่จีนประกาศภาวะฉุกเฉินสูงสุดด้วยการปิดมณฑล 30 แห่งห้ามคนเข้าออกว่า ขอตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน แต่ถ้าเป็นจริงจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยทั้งหมด ซึ่งเข้าใจว่าการที่รัฐบาลจีนออกมาตรการดังกล่าวเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ถ้าหากควบคุมได้เร็วก็จะเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ปกตินักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยเดือนละ 800,000 คน มีการใช้จ่ายประมาณ 50,000 บาทต่อคนต่อทริป แต่ถ้าปิดประเทศความเสียหายที่เกิดขึ้น 100% หรือคิดเป็นวงเงิน 4.8 แสนล้านบาท จากที่ก่อนหน้านี้ประเมินไว้เพียง 70% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เตรียมหาตลาดใหม่เข้ามาทดแทนจีน เช่น ตลาดอาเซียน และอินเดียเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ในวันที่ 28 ม.ค.นี้เตรียมประชุมหารือกับผู้ประกอบการเอกชน เช่น สายการบิน บริษัทท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม รถเช่า เพื่อหามาตรการช่วยเหลือและหาตลาดเป้าหมายใหม่ ขณะเดียวกันได้ให้สำนักงานท่องเที่ยวต่างประเทศ 5 แห่งที่อยู่ในจีนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น และช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจีนที่ตกค้าง เช่น ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวจีนจากเมืองหัวเป่ย และหูจิ้งที่ตกค้างและยังไม่สามารถกลับประเทศได้ พร้อมทั้งเตรียมออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ขอให้นักท่องเที่ยวอย่าวิตกมากเกินไป โดยเชื่อว่าระบบสาธารณสุขของไทยสามารถรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และจากการหารือกับสถานทูตจีนประจำประเทศไทยเมื่อเช้านี้พบว่า ในช่วง 10 วันที่เกิดแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ กับโรคซาร์สนั้น ผู้เสียชีวิตจากโรคโคโรนาน้อยกว่าซาร์ส แต่ความรุนแรงของโรคไหนมากกว่ากันนั้น คงไม่สามารถเปรียบเทียบได้ขึ้นกับว่าทางการจีนสามารถยับยั้งการแพร่ระบาดได้เร็วแค่ไหน