โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

"จาตุรนต์" ค้านรัฐบาล ขยาย พรก.ฉุกเฉินสกัดโควิด ชี้หากถึง 30 เม.ย. เศรษฐกิจไทยไปไม่ไหว

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 02 เม.ย. 2563 เวลา 06.23 น. • เผยแพร่ 02 เม.ย. 2563 เวลา 06.23 น.
จาตุรนต์ ฉายแสง.08

วันที่ 2 เมษายน 2563 นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ โควิด-19 หลังจากการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินมาได้ 7 วันว่า ดูจากการที่มีการประกาศมาตรการปิดสถานที่ต่างๆเพิ่มเติมในกทม.และอีกหลายจังหวัดรวมทั้งการปิดจังหวัดบางจังหวัดไปแล้ว ประกอบกับการที่นายกฯบอกว่าอาจจะลดหรือหยุดการบริการขนส่งสาธาณะหรือห้ามเดินทางอย่างเข้มงวด หลายประเทศพูดถึงการทำงานและการใช้ชีวิตแบบใหม่เมื่อไม่ได้ใช้มาตรการล็อคดาวน์และออกกฎระเบียบให้ปฏิบัติกันแล้ว แต่ไทยเรายังไม่ได้คิดไม่ได้ทำ ยังเหมือนกับจะล็อคดาวน์กันเรื่อยไปทำให้เห็นว่าหลังวันที่ 30 เมษายนนี้

รัฐบาลมีแนวโน้มที่จะใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นไปอีก ซึ่งตนเห็นว่าไม่ใช่ทิศทางที่ถูกต้อง เพราะจะทำให้เศรษฐกิจเสียหายและประชาชนเดือดร้อนอย่างมากจนถึงขั้นอยู่กันไม่ได้ รัฐบาลควรกำหนดยุทธศาสตร์เสียใหม่ ตั้งเป้าให้สามารถผ่อนคลายการใช้มาตรการที่กระทบธุรกิจและการทำมาหากินลง ให้สภาพต่างๆกลับคืนสู่สภาพใกล้เคียงกับปรกติมากขึ้น โดยสามารถคุมสถานการณ์โควิด19 ได้ดีด้วยไปพร้อมๆกัน

“ผ่านไปแค่ 7 วัน ในกทม.ถ้ารวมมาตรการของกทม.ด้วยก็ 10 วัน ธุรกิจทั้งประเทศปิดไปมาก ที่ไม่ได้ถูกสั่งให้ปิดก็ปิดไปด้วย คนทำมาค้าขายไม่ได้ ทำมาหากินไม่ได้ เงินที่ช่วยก็ยังไม่ได้ รัฐบาลตั้งงบไว้สำหรับคน 3 ล้านมีคนสมัครขอมา 20 ล้าน แม้แต่คนที่ได้เอือน 5000 บาทก็ไม่พอใช้ รายจ่ายยังมีอยู่ทุกวัน จะอยู่ไปให้ตลอด ถึง 30 เมษา ก็ไม่ไหวแล้ว มาตรการที่เยียวยาผลกระทบก็ยังช่วยทุกฝ่ายได้น้อยมาก อย่าลืมว่าระบบเศรษฐกิจของเราสายป่านไม่ได้ยาวพอ ถ้ายืดออกไปถึงเดือนพฤษภาคมอีก คงเป็นไปไม่ได้แน่” นายจาตุรนต์กล่าว

นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่า การล็อคดาวน์ที่เขาทำกันก็เพื่อเผด็จศึกโควิด ไม่ใช่ล็อคดาวน์เรื่อยไป ช่วงที่ใช้มาตรการปิดสถานที่หยุดกิจการต่างๆนี้เป็นช่วงที่ต้องดำเนินมาตรการต่างที่จัดการกับโควิด19 คือต้องลดผู้ติดเชื้อและเตรียมความพร้อมของระบบสาธารณสุขเพื่อคุมสถานการณ์ให้ได้ แต่ปรากฏว่ายังทำน้อยมาก การตรวจเพื่อให้รู้ว่าติดเชื้อหรือไม่ ประเทศไทยทำน้อยกว่าประเทศอื่นๆมาก แต่ก็ไม่มีการตั้งเป้าให้ทำเพิ่มขึ้นอย่างจริงจัง ระบบการสืบหาค้นหาผู้ติดเชื้อหรือต้องสงสัยว่าติดเชื้อก็ยังทำน้อยและระบบการกักตัวก็อ่อนแอ สิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้ทำจริงจัง เท่ากับเรารอให้ผู้ติดเชื้อป่วยเสียก่อนค่อยมาหาหมอเอง

“ส่วนปัญหาการขาดแคลนด้านต่างๆของระบบสาธารณสุขก็ยังแก้ ไม่ตก ไม่ได้จัดสรรงบประมาณให้ทั้งๆที่ทำไม่ยาก ถ้ายังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป เราก็อาจยังไม่สามารถคุมสถานการณ์ได้ในเร็วๆนี้ และอาจต้องมีมาตรการเข้มข้นต่อไปอย่างไม่มีกำหนด โดยระบบก็อ่อนแอ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เท่ากับการใช้มาตรการปิดสถานที่ หยุดกิจการ ห้ามเดินทาง จะสูญเปล่า” นายจาตุรนต์ กล่าว

นายจาตุรนต์กล่าวทิ้งท้ายว่า น่าเป็นห่วง ถ้ารัฐบาลยังปล่อยให้สถานการณ์เป็นอย่างนี้ เศรษฐกิจจะแย่และคนจะเดือดร้อนกันทั่วประเทศโดยที่สถานการณ์โควิดก็ยังคุมไม่อยู่ ถึงวันที่ 30 เมษายน จะผ่อนคลายก็กลัวการแพร่ระบาด จะเข้มงวดต่อไประบบเศรษฐกิจก็รับไม่ไหวและประชาชนก็่อยู่ไม่ได้ รัฐบาลจึงควรจะทำให้มาตรการรับมือโควิดในทุก้านมีประสิทธิภาพมากที่สุดโดยตั้งเป้าว่าหลังวันที่ 30 เมษายนนี้จะผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจเดินได้คนทำมาหากินได้ใกล้เคียงกับสภาพปรกติมากที่สุด

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0