“พระมหากษัตริย์เสด็จสวรรคต ขอพระมหากษัตริย์ (พระราชินี) ทรงพระเจริญ (The King is dead, long live The King (The Queen)! คือการประกาศตามประเพณีหลังการสิ้นพระชนม์และการขึ้นครองราชย์ของผู้ปกครองใหม่ในหลายประเทศ การขึ้นเป็นผู้ปกครองนั้นไม่ง่าย และสำหรับบางคน จุดสูงสุดของอำนาจอยู่กับพวกเขาแค่ชั่วพริบตา จาก 16 วัน ถึง 20 นาที นี่คือกษัตริย์และราชินีที่ครองราชย์น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป
จักรพรรดินโปเลียนที่ 2 แห่งฝรั่งเศส
นโปเลียน ฟร็องซัว ชาร์ล โฌแซ็ฟ โบนาปาร์ต เป็นลูกชายคนเดียวของจักรพรรดินโปเลียน จากการแต่งงานครั้งที่สองกับ อาร์ชดัชเชสมารี หลุยส์แห่งออสเตรีย การแต่งงานของทั้งสองเป็นไปด้วยเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ อาร์ชดัชเชสมารี หลุยส์ เพิ่งอายุ 18 ปี และมีศักดิ์เป็นหลานสาวแท้ๆ ของพระนางมารีทอองตัวแน็ต อดีตราชินีฝรั่งเศสที่ถูกสำเร็จโทษด้วยกิโยตินระหว่างการปฎิวัติฝรั่งเศสปี 1789 นโปเลียนกล่าวถึงการแต่งงานครั้งนี้ว่า เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์กับราชวงศ์เก่าแก่ในยุโรป และเป็นการสร้างศักดิ์ศรีให้รัชทายาทของพระองค์ให้มีความชอบธรรมสมศักดิ์ศรีกับอาณาจักรยิ่งใหญ่ที่พิชิตได้จากการทำสงคราม
นโปเลียน ฟร็องซัว ถือกำเนิดหลังการสมรสเพียงหนึ่งปี และทรงมีตำแหน่งเป็นทั้งกษัตริย์แห่งโรมและเจ้าชายแห่งปาร์มา ปลาเซนตีอา และกัลตัลลา แต่กำเนิด (เพราะเป็นดินแดนที่นโปเลียนผนวกได้มาก่อนหน้านี้) นโปเลียน ฟร็องซัว อายุเพียง 4 ปี ตอนที่นโปเลียนำทัพไปประสบความพ่ายแพ้ที่สมรภูมิวอเตอร์ลู พระองค์ถูกเนรเทศและเสียชีวิตที่เกาะเซนต์เฮเลนาโดยไม่มีโอกาสได้พบหน้าพระโอรสอีก
เมื่อพระบิดาถูกบังคับให้สละราชสมบัติ นโปเลียน ฟร็องซัวจึงได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่เป็นเวลา 16 วัน ก่อนที่คณะรัฐบาลที่เหนื่อยหน่ายการปกครองของตระกูลโบนาปาร์ต เสนอคืนบัลลังก์ให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 18 ผู้มีศักดิ์เป็นอนุชาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เมื่อกระแสอำนาจเปลี่ยนทิศ อาร์ชดัชเชสมารี หลุยส์พาลูกชายลี้ภัยกลับไปอาศัยที่ออสเตรีย ภายใต้การดูแลของจักรพรรดิฟรันซ์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระบิดาของพระองค์
นโปเลียน ฟร็องซัวเป็นเด็กหนุ่มที่คลั่งไคล้เครื่องแบบทหาร ทรงแสดงความสนใจในการรบมาตั้งแต่ยังเด็กและหวังจะได้ออกศึกในสนามรบจริงๆ สักครั้ง จากคำบอกเล่าของอาจารย์ที่ดูแลใกล้ชิด พระองค์ทรงมีบุคคลิกที่เฉลียวฉลาด จริงจัง และมุ่งมั่น นอกจากนี้ยังทรงมีรูปร่างที่สูงใหญ่ ด้วยวัย 17 พรรษา ทรงสูงเกือบ 6 ฟุต (180 ซม.) ความสนใจในการทหารและการแต่งเครื่องแบบตลอดเวลาสร้างความหนักใจให้บรรดาราชวงศ์ต่างๆ ที่กลัวว่าตระกูลโบนาปาร์ตจะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง
อย่างไรก็ดีความกังวลนี้ไม่เกิดขึ้นจริง นโปเลียน ฟร็องซัว เสียชีวิตด้วยวัณโรคตอนอายุเพียง 21 ปี สิทธิ์ในการสืบทอดบัลลังก์ฝรั่งเศส ถูกส่งต่อให้ญาติของเขา หลุยส์-นโปเลียน โบนาปาร์ต หรือนโปเลียนที่ 3 ผู้สามารถกอบกู้บัลลังกลับคืนมาในปี 1852
“ชีวิตของข้าพเจ้าต้องจบลงเพียงเท่านี้ ไม่มีผลงาน ไร้ซึ่งชื่อเสียง? การเกิดและการตายคือทั้งหมดของเรื่องราวที่ข้าพเจ้ามี”
-นโปเลียน ฟร็องซัว (จักรพรรดินโปเลียนที่ 2)
ราชินีเจนที่ 1 แห่งอังกฤษ
สมเด็จพระราชินีเจน หรือเลดี้ เจน เกรย์ เป็นที่รู้จักกันในนาม “พระราชินี 9 วัน” ย่าของเจนคือพระนางแมรี่ ทิวเดอร์ผู้มีศักดิ์เป็นน้องสาวแท้ๆ ของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ทำให้เจนเป็นหลานสาวสายตรงและมีสิทธิ์ในพระราชบัลลังก์อังกฤษไม่น้อยไปกว่าพระนางแมรี่ ราชินีแห่งสก๊อต (ผู้อ้างสิทธิ์ผ่านย่าของเธอ พระนางมากาเร็ต ทิวเดอร์ พี่สาวอีกคนของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8)
การก้าวขึ้นสู่อำนาจของเจนเป็นเรื่องสุดวิสัย ลูกพี่ลูกน้องของเจนในตอนนั้นคือกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 6 ลูกชายเพียงคนเดียวของพระเจ้าเฮนรี่ 8 ทรงขึ้นครองราชย์ตั้งแต่อายุ 9 ปีแต่มีสุขภาพไม่แข็งแรงและกลัวว่าจะถูกพี่สาวต่างมารดา พระนางแมรี่ ทิวเดอร์ ยกทัพมาช่วงชิงราชบัลลังก์ แมรี่ ทิวเดอร์เป็นลูกสาวที่เกิดจากการสมรสครั้งแรกของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 กับพระนางแคเธอรีนแห่งอารากอน ทรงมีสิทธิ์ชอบธรรมในพระราชบัลลังก์มากกว่าและทรงเป็นคาทอลิกอย่างเคร่งครัด พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงเกรงว่าพระนางแมรี่จะนำอังกฤษกลับสู่ศาสนจักรคาทอลิก จึงตัดสินใจร่วมกับคณะขุนนางตั้งให้พระนางเจน เกรย์ ขึ้นเป็นรัชทายาทลำดับหนึ่งด้วยเห็นว่าพระนางเป็นโปรแตสแตนท์และน่าจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน
เจน เกรย์ ขึ้นเป็นราชินีแห่งอังกฤษหลังพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดสิ้นพระชนม์เพียงสองวัน เก้าวันหลังจากนั้นกองทัพของพระนางแมรี่เดินทางมาถึง ปลดเจนลงจากบัลลังก์และสั่งขังอดีตราชินีไว้ที่หอคอยแห่งลอนดอน (tower of london) แมรี่รู้ว่าเจนเป็นหุ่นเชิดทางการเมืองและถูกทรยศโดยผู้คนรอบๆ ตัว ทรงไม่ต้องการประหารพระญาติคนสนิทและคิดจะกักบริเวณพระนางเพียงเท่านั้น อย่างไรก็ดีกลุ่มคนที่สนับสนุนเจนก่อความไม่สงบและขัดค้านการแต่งงานของราชินีแมรี่กับพระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน แมรี่ไม่มีทางเลือกนอกจากสั่งประหารเจนในทันที ราชินีเจนที่ 1 สิ้นพระชนม์ขณะอายุเพียง 16 ปี
พระเจ้าหลุยส์ ฟิลิเป แห่งโปรตุเกส
เจ้าชายหลุยส์ ฟิลิเป เป็นลูกชายคนโตของกษัตริย์คาลอสที่ 1 แห่งโปรตุเกส หลุยส์ ฟิลิเป รับหน้าที่สำคัญตั้งแต่เด็ก เป็นผู้รักษาการแผ่นดินในระหว่างที่พ่อของเขาอยู่ต่างประเทศ และเป็นเจ้าชายโปรตุเกสคนแรกที่เดินทางไปเยือนอาณานิคมในแอฟริกาด้วยพระองค์เอง
เจ้าชายหลุยส์ ฟิลิเป ในวัยใกล้ 20 กำลังจะเข้าพิธีสมรสกับเจ้าหญิงแพทริเซียแห่งคอนน็อต หลานสาวควีนวิกตอเรียแห่งอังกฤษที่เกิดจากเจ้าชายอาเธอร์ พระโอสรองค์ที่ 3 กับเจ้าหญิงลูอีส มาเกอเร็ตแห่งปรัสเซีย การสมรสนี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริงเพราะมีเรื่องแสนเศร้าเกิดขึ้นกับราชวงศ์โปรตุเกส
ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1908 หลุยส์ ฟิลิเป พร้อมด้วยพระบิดา พระมารดาและพระอนุชา เดินทางกลับสู่ลิสบอนด้วยรถม้าเปิดประทุน แต่ถูกสุ้มโจมตีโดยกลุ่มต่อต้านการปกครองโดยกษัตริย์ กระสุนถูกยิงขึ้น 5 นัด กษัตริย์คาลอสสิ้นพระชนม์ในทันที ในขณะที่เจ้าชายหลุยส์ ฟิลิเป พยายามชักปืนขึ้นต่อสู้แต่ถูกยิงเข้าที่หน้าอก เจ้าชายแมนเวล พระอนุชาถูกยิงเข้าที่แขน มีแต่ราชินีอามาลี พระมารดาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากการลอบสังหาร
กลุ่มต่อต้านถูกสังหารโดยตำรวจและทหารรักษาพระองค์ ส่วนเจ้าชายหลุยส์ ฟิลิเป ทนบาดแผลไม่ไหว สิ้นพระชนม์ในอีก 20 นาทีต่อมา ตามกฎหมายการขึ้นครองราชย์ของโปรตุเกส รัชทายาทลำดับที่หนึ่งจะขึ้นเป็นกษัตริย์ในทันที ทำให้เจ้าชายหลุยส์ กลายเป็นกษัตริย์ต่อจากพระบิดาในช่วงเวลาสั้นๆ กษัตริย์หลุยส์ ฟิลิเปที่ 2 เป็นกษัตริย์ที่มีระยะเวลาครองราชย์สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์โปรตุเกส
เจ้าชายแมนเวล พระอนุชา ขึ้นครองราชย์ต่อมาเป็นกษัตริย์แมนเวลที่ 2 รัชสมัยของพระองค์ยืนยาวเพียงสองปีก่อนคณะปฎิวัติสามารถล้มล้างระบบกษัตริย์ได้สำเร็จในปี 1910 สมาชิกราชวงศ์โปรตุเกสถูกเนรเทศและใช้ชีวิตที่เหลือในราชสำนักอื่นในยุโรป กษัตริย์แมนเวลที่ 2 ลี้ภัยไปอังกฤษ ในขณะที่ราชินีอามาลี พระมารดา ใช้ชีวิตต่อมาในฝรั่งเศส (ทรงมีพระยศก่อนสมรสเป็นเจ้าหญิงแห่งออร์เลอ็องของฝรั่งเศส)
.
ติดตามบทความของเพจพื้นที่ให้เล่า ได้บน LINE TODAY ทุกวันเสาร์
.
อ้างอิง
