โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

จับเทรนด์ “Plant-based Food” ธุรกิจเนื้อไร้เนื้อยอดนิยมแห่งปี 2019

Positioningmag

อัพเดต 24 ต.ค. 2562 เวลา 03.00 น. • เผยแพร่ 23 ต.ค. 2562 เวลา 15.18 น.

การเปลี่ยนมาบริโภค“Plant-based Food” หรือเนื้อไร้เนื้อ กำลังกลายเป็นไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ไปแล้วเรียบร้อย เห็นได้ชัดจากการสำรวจล่าสุดที่พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันที่อายุต่ำกว่า40 ปี เปิดใจรับประทานเนื้อสัตว์จากพืชกันถ้วนหน้า

คาดเนื้อสัตว์ทางเลือกจะได้รับความนิยมต่อเนื่องอีกหลาย10 ปีเพราะ3 ปัจจัยผลักดันรอบด้านทั้งการตื่นตัวเรื่องการรักษาสุขภาพด้วยการกินเนื้อสัตว์ให้น้อยลง ภาวะอาหารขาดแคลน และความอยากลองรสชาติใหม่ของชาวโลก

การสำรวจตลาดplant-based meat ในกลุ่มมิลเลนเนียลครั้งล่าสุดนี้ดำเนินการโดยนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิชิแกน ซึ่งลงมือสำรวจกลุ่มตัวอย่าง2,100 คนเกี่ยวกับมุมมองการบริโภคเนื้อสัตว์ทางเลือก จนพบว่าชาวอเมริกัน ซึ่งเป็น1 ในตลาดผู้บริโภคเนื้อสัตว์ชั้นนำของโลก กำลังเปลี่ยนทัศนคติการบริโภคเนื้อสัตว์อย่างชัดเจน เพราะความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพและภาวะโลกร้อนที่กำลังรุนแรงขึ้น 

ปัจจัยผลักดันเหล่านี้เป็นแรงส่งให้สตาร์ทอัปหลายบริษัทลุยพัฒนาธุรกิจเนื้อplant-based meat อย่างจริงจัง บริษัทที่โดดเด่นในตลาดคือImpossible Foods และBeyond Meat ทั้งคู่สามารถดึงผู้บริโภคหลายรายให้อยากลิ้มลองรสชาติของเนื้อสัตว์เลียนแบบได้ จนมีแนวโน้มที่ตลาดนี้จะบูมต่อเนื่องไปอีกนาน

เนื้อไร้เนื้อจะฮิตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า30 ปี

ภายในปี2050 นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าความต้องการอาหารของชาวโลกจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากปัจจุบัน เพื่อตอบสนองปากท้องของประชากรโลกที่มีโอกาสเพิ่มเป็น9,000 - 10,000 ล้านคน ในขณะเดียวกัน ช่วงเวลาหลายสิบปีนับจากนี้ยังมีแนวโน้มว่าโลกจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นและอากาศที่แปรปรวนมากขึ้น ยังมีภัยแล้งรุนแรง น้ำท่วม พายุ และเงื่อนไขอื่นที่อาจทำให้การผลิตอาหารมีความซับซ้อนและไม่แน่นอนมากขึ้นกว่าเดิม

ภาวะนี้นำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ด้านอาหารที่สามารถช่วยให้ประชากรโลกมีอาหารเพียงพอในสภาพแวดล้อมที่คาดเดาไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีการถกเถียงถึงผลกระทบของกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์ ที่มีผลเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคนรุ่นใหม่ ซึ่งในสหรัฐฯ พบว่าคนอเมริกันวันนี้อยากรับประทานเนื้อสัตว์จากพืชเพิ่มขึ้น

การสำรวจกลุ่มเป้าหมาย2,100 คน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์2018 พบ48% ของผู้ตอบแบบสอบถามยืนยันว่าอาจจะไม่“ซื้ออาหารที่มีรูปลักษณ์และรสชาติเหมือนเนื้อสัตว์” แต่ยอมรับว่าความคิดนี้อาจเปลี่ยนไปตามส่วนผสมอื่น แต่การสำรวจภายในเดือนกันยายน2019 พบว่าสัดส่วนนี้ลดลงเหลือ40% เท่านั้น

ลองแล้วก็จะซ้ำอีก

การสำรวจยังพบว่าในช่วง12 เดือนที่ผ่านมา35% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีการเปิดใจลองบริโภคเนื้อสัตว์จากพืชแล้ว ที่น่าสนใจคือ90% ของกลุ่มนี้ยอมรับว่าจะเลือกบริโภคเนื้อจากพืชซ้ำอีก ขณะที่ในกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ลองรับประทานเนื้อสัตว์จากพืช พบว่า42% ยินดีลองชิม แต่ยังมีอีก30% ของกลุ่มที่ยังไม่เต็มใจลิ้มลอง

อีกจุดสำคัญจากการสำรวจครั้งนี้ คือคนรุ่นใหม่เปิดใจรับประทานเนื้อสัตว์จากพืชมากกว่ารุ่นเก่า แปลว่าอายุมีนัยสำคัญต่อทัศนคติการรับประทานเนื้อสัตว์จากพืช โดยเกือบครึ่งหนึ่ง(48%) ของผู้ตอบแบบสอบถามที่อายุต่ำกว่า40 ปี ระบุว่าได้ทดลองกินเนื้อสัตว์จากพืชแล้ว ขณะที่27% ของผู้ที่มีอายุ40 ปีขึ้นไปเท่านั้น ที่บอกว่าได้ลองเนื้อไร้เนื้อแล้ว

ผลสำรวจนี้เป็นไปทางเดียวกับการสำรวจของImpossible Foods ในปี2019 ซึ่งพบว่าเกือบครึ่งของกลุ่มmillennial และGeneration Z เลือกบริโภคเนื้อสัตว์จากพืชอย่างน้อยเดือนละครั้ง ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่วัย55 ปีขึ้นไปที่บริโภคเนื้อมังสวิรัติเพียง20% เท่านั้น

“ประเทศเน้นเนื้อ” ตลาดเปลี่ยน

ปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดเนื้อจากพืชขยายตัวร้อนแรง คือ กระแสที่นักวิทยาศาสตร์ออกมาแนะนำให้ชาวโลกรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลงเพื่อสุขภาพที่ดีและยั่งยืนกว่าเดิม กระแสนี้กำลังส่งให้ตลาดที่เน้นการบริโภคเนื้อแดงเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะตลาดTop 3 ที่รับประทานเนื้อมากที่สุดในโลก

สถิติจากWorld Economic Forum ประเมินว่าชาวอเมริกันบริโภคเนื้อสัตว์ราว214 ปอนด์ต่อคนในปี2016 ตัวเลขนี้น้อยกว่าชาวอาร์เจนตินาที่บริโภคเนื้อ190 ปอนด์ ขณะที่ชาวยุโรปบริโภคเนื้อสัตว์เฉลี่ย152.5 ปอนด์ต่อคน

การเปลี่ยนแปลงของตลาดเน้นเนื้อจะยิ่งเห็นชัดเจนในอนาคต เมื่อบริษัทสตาร์ทอัปสามารถพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อให้เนื้อสัตว์จากพืชมีรสชาติดีกว่าโปรตีนเกษตรที่ทำจากถั่วเหลือง ธัญพืช และถั่วฝักยาวมานานหลายทศวรรษ

ซึ่งรสชาติเหมือนเนื้อสัตว์ของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ยิ่งทวีความน่าเชื่อถือมากขึ้นอีกเมื่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติเทคโนโลยีการผลิต"Impossible Burger" จากพืช ซึ่งอาศัยส่วนผสมจากยีสต์ดัดแปลงพันธุกรรม เพื่อรวมโมเลกุลที่มีธาตุเหล็กเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ ทำให้เนื้อสัตว์จากพืชมองดูเหมือน“มีเลือดซึมออกมา” 

ความใกล้เคียงกับเนื้อวัวจริง ทำให้เชนอาหารฟาสต์ฟู้ดสนใจจำหน่ายเมนูจากเนื้อทางเลือก ทั้งBurger King ที่เริ่มแนะนำ"Impossible Whopper" แม้แต่Kellogg และHormel ก็กำลังจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในชื่อ"Incogmeato" และ"Happy Little Plants" 

อย่างไรก็ตาม การสำรวจพบว่าสินค้ากลุ่ม“เนื้อสัตว์จากพืชยุคใหม่” ไม่ได้วางเป้าหมายเพื่อทดแทนผลิตภัณฑ์มังสวิรัติอื่นที่มีอยู่แล้วในตลาด ขณะเดียวกันก็ไม่เน่นเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ แต่เลือกเน้นโชว์การออกแบบเพื่อลดผลกระทบที่กระบวนการผลิตเนื้อมีต่อโลก เพื่อดึงดูดให้ทุกคนร่วมรับประทานเนื้อทางเลือกยุคดิจิทัลนี้

ในภาพรวม การสำรวจนี้สรุปผลว่าลูกค้ากลุ่มใหญ่ของเนื้อจากพืชคือกลุ่มmillennial ที่กำลังเติบโตจะเป็นคนรุ่นผู้ใหญ่ และจะเป็นกลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่ของสหรัฐอเมริกา คนกลุ่มนี้เต็มใจที่จะยอมรับเนื้อสัตว์จากพืช ซึ่งตอกย้ำว่าตลาดนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในมุมเทคโนโลยีชีวภาพยุคใหม่ ซึ่งจะปฏิวัติวงการเกษตรกรรม อุตสาหกรรมอาหาร และทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมทั่วโลก.

Source

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0