โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

จับสองสามีภรรยา ตุ๋นเหยื่อลงทุนใช้วงเงินบัตรเครดิตเสีย สูญกว่า 20 ล้านบาท

กรุงเทพธุรกิจ

เผยแพร่ 19 ก.ค. 2562 เวลา 12.04 น.

เมื่อวันที่ 19 ก.ค.62 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ รองหัวหน้าศูนย์ ศปอส.ตร. แถลงข่าวการจับกุม นางพิมพลอย วรพฤกษ์พิสุทธิ์ และ นายสมศักดิ์ วรพฤกษ์พิสุทธิ์ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงชักชวนลงทุนใช้วงเงินบัตรเครดิตมีผู้เสียหายกว่า 20 ล้านบาท

พล.ต.ท.ปิยะ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้รับร้องเรียนจากประชาชนจำนวน 12 ราย ซึ่งตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพหลอกชักชวนร่วมลงทุนใช้วงเงินในบัตรเครดิต มูลค่าความเสียหายมากกว่า 20 ล้านบาท จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ จากการสืบสวนทราบว่ามิจฉาชีพกลุ่มนี้มี นางพิมพลอย วรพฤกษ์พิสุทธิ์ และนายสมศักดิ์ วรพฤกษ์พิสุทธิ์ สามีภรรยา โดยผู้ต้องหาทั้งสองเคยเปิดร้านขายส่งเสื้อผ้า ได้ชักชวนญาติและคนสนิทให้ร่วมลงทุนในการใช้บัตรเครดิตเพื่อรูดชำระค่าสินค้าที่ไม่มีอยู่จริง ซึ่งแจ้งว่าจะให้ผลตอบแทนร้อยละ 0.7 ต่อเดือน ของยอดการใช้บัตร และเพิ่มขึ้นจนถึงร้อยละ 1.3 ต่อเดือน โดยหลังจากมีการรูดชำระค่าสินค้านั้นจะมีการโอนเงินผลกำไรตามที่กล่าวอ้างหลังจากรูดชำระค่าสินค้า 2-3 วัน ส่วนเงินต้นเมื่อครบกำหนดชำระจะมีการโอนคืนให้ ซึ่งในช่วงแรกได้รับผลตอบแทนจริงจึงหลงเชื่อและให้ชักชวนบุคคลทั่วไปเพื่อเข้าร่วมลงทุนดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

จากนั้นกลุ่มผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อบุคคลทั้งสองได้และไม่มีการโอนเงินคืนตามที่ตกลง อีกทั้งได้สอบถามไปยังธนาคาร จึงทราบว่าไม่มีการให้ผลตอบแทนจากการใช้บัตรเครดิตรูดชำระค่าสินค้าตามที่กล่าวอ้างจริง พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพญาไท ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน"

รอง ผอ.ศปอส.ตร.เผยต่อว่า ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 รายทราบว่าถูกแจ้งความดำเนินคดีและออกหมายจับ จึงได้หลบหนีเรื่อยมา จนกระทั่งติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด จึงแจ้งข้อหา 1.ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน"ระวางโทษ "จำคุกไม่เกิน5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดี

อีกราย จับกุมนายขวัญชัย ปิยะทัศน์ และ น.ส.ทิพวรรรณ วงษ์วัน หลอกลวงลงทุนซื้อหุ้นขายในตลาดหลักทรัพย์ มีประชาชนตกเป็นเหยื่อ 10ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ที่ออกอุบายชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น โดยเปิดสำนักงานสาขา จัดอบรมในต่างจังหวัด เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น สระบุรี สุรินทร์ ศรีษะเกษ เป็นต้น โดยผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการซื้อหุ้นดังกล่าว มีข้อมูลการลงทุนซื้อขายหุ้นภายในหรือข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เกิดความเชื่อถือว่าการซื้อขายจะมีกำไรและผลตอบแทนดีแน่นอน

โดยผู้ต้องหาจะเป็นผู้ส่งคำสั่งให้ซื้อขายและได้ยืนยันว่าในการลงทุนที่แนะนำให้ซื้อหุ้น ทุกๆ 10 ครั้ง จะขาดทุนได้ไม่เกิน 3 ครั้ง หากเกิน 3 ครั้งขึ้นไปผู้ต้องหาจะเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินค่าประกันสาขา เปิดพอร์ตลงทุนโดยต้องจ่ายเงินประกันการลงทุนให้ผู้ต้องหา 20% ของเงินลงทุน ปรากฎว่าเมื่อทำการซื้อขายหุ้นตามคำสั่งของผู้ต้องหาแล้วขาดทุนทุกครั้ง เมื่อติดตามทวงถามเงินประกันการลงทุนก็ไม่ยอมคืนให้ และหลบหนีไป พนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติ กระทั่งจับกุมตัวได้ ขณะหลบหนีอยู่ที่ รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท จึงแจ้งข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน"ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุงดำเนินคดีต่อไป

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0