โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

จับตา'สรยุทธ'สู้ฎีกาคดีทุจริตโฆษณา อสมท. 'คุก-ไม่คุก'

เดลินิวส์

อัพเดต 21 ม.ค. 2563 เวลา 04.28 น. • เผยแพร่ 20 ม.ค. 2563 เวลา 16.28 น. • Dailynews
จับตา'สรยุทธ'สู้ฎีกาคดีทุจริตโฆษณา อสมท. 'คุก-ไม่คุก'
“สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ขึ้นศาลฎีกาฟังคำตัดสิน คดีทุจริตค่าโฆษณา อสมท. หลังต่อสู้คดีมายาวนานกว่า 5 ปี

หลังจากในปี 2549 "อสมท." ตรวจสอบพบว่า บริษัทไร่ส้มจำกัด (บ.ไร่ส้ม) ที่มี "นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา" อดีตนักเล่าข่าวชื่อดัง เป็นกรรมการผู้จัดการทำสัญญาร่วมผลิตรายการกับ อสมท. ในรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ค้างรายได้จากค่าโฆษณาเกินเวลาเป็นเงินเกือบ 100 ล้านบาท ทำให้ต้องตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ปรากฏว่า นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ อสมท.ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำคิวโฆษณารวม และเป็นผู้รายงานโฆษณาเกินเวลา เพื่อเรียกเก็บเงินจาก "บ.ไร่ส้ม" สารภาพกับผู้บริหาร อสมท.ในขณะนั้นว่า

*"…บริษัทไร่ส้ม โฆษณาเกินจริง แต่ไม่มีการรายงานเพื่อเรียกเก็บเงิน เนื่องจากตนเองใช้ น้ำยาลบคำผิด ลบเฉพาะคิวโฆษณาเกินเวลาในส่วนของ "บ.ไร่ส้ม" ในใบคิวโฆษณารวมของ อสมท. เพื่อปกปิดความผิดตามคำแนะนำของ นายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา ธีระเดช พนักงาน บ.ไร่ส้ม…." *

อย่างไรก็ตามในเดือนตุลาคม2549 "บ.ไร่ส้ม" ยินยอมชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินให้ อสมท. จำนวน 138 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และภาษีมูลค่าเพิ่มรวมเป็นเงินกว่า 152 ล้านบาท แต่ อสมท. ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงไปแล้ว และพบว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริง ผลจากการไต่สวนของ ป.ป.ช. ยังพบว่า นางพิชชาภา ให้ความช่วยเหลือ "บ.ไร่ส้ม" โดยไม่มีการรายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บเงิน ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.2548 - 30 มิ.ย.2549 โดยมี นายสรยุทธ ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คของธนาคารธนชาต สาขาพระราม 4 รวม 6 ครั้ง เป็นเงินเกือบ 7 แสนบาท เพื่อตอบแทนที่ นางพิชชาภา ที่ไม่ได้รายงานการโฆษณาเกินเวลาดังกล่าว

ต่อมา วันที่ 20 ก.ย.2555 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)มีมติ 7 ต่อ 0 ชี้มูลความผิด นางพิชชาภา ว่าผิดทางวินัยร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา ขณะที่ นายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา ก็มีมูลความผิดทางอาญาเช่นกัน คือ สนับสนุนพนักงานกระทำความผิด ซึ่งเรื่องนี้มีการส่งสำนวนการไต่สวนให้กับอัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณา แต่ปรากฏว่า อัยการสูงสุดเห็นว่าสำนวนคดีนี้ยังไม่สมบูรณ์ในหลายประเด็น ขณะที่ นายสรยุทธ ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดด้วย จนคณะทำงานทั้งสองฝ่ายไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ เนื่องจาก ป.ป.ช.เห็นว่าสำนวนการไต่สวนคดีนี้มีความสมบูรณ์แล้วนั่นเอง 

คดียืดเยื้อมาจนถึงปี 2557 มีการประชุมคณะทำงานร่วมกันทั้งสองฝ่าย จนกระทั่งนายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะประธานอนุฯไต่สวนคดี เห็นว่าที่ประชุมได้ข้อยุติเห็นควรให้อัยการสูงสุด "ฟ้องคดี" และเมื่อถูกฟ้องในเรื่องการทุจริต จึงเป็นเหตุผลหนึ่งทำให้ นักเล่าข่าวชื่อดัง ต้องยุติบทบาทในการทำงานบนหน้าจอที่วี จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาให้ ยกฟ้อง หรือ ไม่มีความผิด

ในปี 2558 อัยการสูงสุด (อสส.) ได้ยื่นฟ้อง นางพิชชาภา เอื่ยมสะอาด อดีตพนักงาน บมจ.อสมท ที่จัดทำคิวโฆษณา , บจก.ไร่ส้ม , นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กก.ผจก.บ.ไร่ส้ม และผู้ดำเนินรายการเล่าข่าวชื่อดัง , น.ส.มณฑา ธีระเดช พนง.บ.ไร่ส้ม ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2502 ม.6 ม.8 และ ม.11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา ม.86 และ ม.91

และในปี 2559 ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาว่า นางพิชชาภา จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของรัฐ มาตรา 6, 8, 11 ส่วน บจก.ไร่ส้มฯ นายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา จำเลยที่ 2-4 มีความผิดฐานสนับสนุน เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้จำคุก นางพิชชาภา 6 กระทง กระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 30 ปี ส่วน นายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา จำคุก 6 กระทง กระทงละ 3 ปี 4 เดือน รวมจำคุกคนละ 20 ปี และปรับ บจก.ไร่ส้มฯ ทั้งสิ้น 120,000 บาท

ทางนำสืบเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 จึงให้ จำคุก นางพิชชาภา 20 ปี ส่วน นายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา ให้จำคุกคนละ 13 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วน บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 ให้ปรับรวมเป็นเงิน 80,000 บาท จำเลยทั้งหมดได้ประกันตัวชั้นอุทธรณ์ ศาลตีราคาประกันคนละ 2 ล้านบาท กำหนดห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล รวมทั้งให้จำเลยมารายงานตัวต่อศาลทุก 30 วัน

ต่อมาวันที่ 29 ส.ค.2560 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ โดยพิพากษายืน ให้จำคุกจำเลยตามศาลชั้นต้น ซึ่ง นายสรยุทธกับพวก ได้ยื่นประกันในชั้นฎีกา โดยใช้หลักทรัพย์บัญชีเงินฝากคนละ 4 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ทำให้ทั้งหมดต้องถูกคุมขังในเรือนจำ จนกระทั่งในวันที่ 12 ก.ย. 2560 จำเลยได้ประกันตัวระหว่างยื่นฎีกาคนละ 5 ล้านบาท โดยศาลกำหนดเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาต และต้องมารายงานตัวกับศาลทุก 3 เดือน 

สำหรับในวันที่21 ม.ค. 63 นี้ จะเป็นวันที่พวกจำเลยต้องมาขึ้นศาลอีกครั้ง เพื่อฟังคำพิพากษาในศาลสุดท้ายก็คือ "ศาลฎีกา" ซึ่งผลออกมาจะเป็นอย่างไร ข้อต่อสู้ของจำเลยจะหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ที่ผ่านมาได้หรือไม่ และอดีตนักเล่าข่าวชื่อดัง "สรยุทธ" จะเป็นอย่างไร ต้องติดตามลุ้นกันต่อไป.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

*เปิดประวัติอดีตคนข่าว"สรยุทธ" จากจุดสูงสุดคืนสู่สามัญ *

'สรยุทธ'บวชเงียบที่ปากช่อง คนสนิทแห่ร่วมอนุโมทนา

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0