โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

จับตารัฐบาลปล่อยนโยบายเศรษฐกิจ

TNN ช่อง16

อัพเดต 23 ก.ค. 2562 เวลา 13.16 น. • เผยแพร่ 23 ก.ค. 2562 เวลา 13.16 น. • TNN Thailand
จับตารัฐบาลปล่อยนโยบายเศรษฐกิจ
รัฐบาลเตรียมคลอดนโยบายเศรษฐกิจ เน้นดูแลประชาชนฐานราก กระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน หลังเผย ครม.ประยุทธ์แบบครบทีม

         หลังจากเผยโฉมหน้ารัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระทรวงที่จะถูกจับตามองเป็นพิเศษ คงหนีไม่พ้นกระทรวงเศรษฐกิจที่จะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างไร และอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายในการกำหนดนโยบายออกมา เนื่องด้วยการเป็นรัฐบาลผสมที่ต่างพรรคก็มีจุดยืนเป็นของตนเอง    แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ต่างก็เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงนั้นๆ เพื่อผลักดันนโยบายเร่งด่วน ให้สอดรับกับนโยบายหลักของรัฐบาล

กระทรวงพลังงานมุ่งเน้นช่วยเหลือประชาชนฐานราก 

        กระทรวงพลังงานมีการเรียกประชุมผู้บริหารกันในวันเสาร์เลยทีเดียว  และจากการหารือก็ตกผลึกว่าจะเน้นไปที่การผลักดันวาระเร่งด่วน 2 เรื่อง ที่จะมุ่งช่วยเหลือประชาชนระดับฐานราก  ซึ่งนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานออกมาเปิดเผยว่า มีแผนผลักดันวาระเร่งด่วนระยะสั้น 2 เรื่อง คือ 1.ให้กระทรวงพลังงานเจรจากับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่สนับสนุนงบดูแลราคาก๊าซแอลพีจีกลุ่มหาบเร่แผงลอย และราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) กลุ่มรถโดยสารสาธารณะ ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาช่วยเหลือเดือน ก.ค.นี้ ให้ขยายเวลาออกอีก 2 เดือน  หรือถึงเดือนก.ย.นี้  เพื่อช่วยเหลือลดค่าครองชีพให้ผู้มีรายได้น้อย  ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงานจะประสานกระทรวงการคลัง เพื่อวางแนวทางเชื่อมโยงการช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อไป 

        อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า การอุดหนุนราคาแอลพีจีกลุ่มหาบเร่แผงลอยนั้น ปตท.ช่วยเหลือผู้ใช้ก๊าซถัง 15 กิโลกรัมไม่เกิน 75 กิโลกรัมต่อเดือน ในราคาส่วนลด 37.50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่การช่วยเหลือเอ็นจีวีกลุ่มรถสาธารณะให้ส่วนลด 6 บาทต่อกิโลกรัม  และให้ปรับขึ้นราคา 3 บาทต่อกิโลกรัมโดยทยอยปรับขึ้นทุกไตรมาสละ 1 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่ง ปตท.รับภาระดูแลราคาแอลพีจีให้กับผู้มีรายได้น้อย และแผงลอย 2 แสนราย ตั้งแต่ ก.พ.2558 ถึง 30 มิ.ย.2562 รวมเป็นเงิน 1,887 ล้านบาท

         และ 2.จากสถานการณ์ภัยแล้งนขณะนี้ รัฐมนตรีสนธิรัตน์ จึงมอบหมายให้พลังงานจังหวัดสำรวจพื้นที่ภัยแล้งและพื้นที่เดิมที่เคยช่วยเหลือในการติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์บ่อบาดาล (โซลาร์สูบน้ำ) ในแต่ละจังหวัดเพื่อพิจารณาแนวทางช่วยเหลือ ซึ่งปลายสัปดาห์นี้จะนำเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งด้วย

กระทรวงการคลังวางแนวทางปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ

        ด้าน กระทรวงการคลัง มีแนวทางที่จะปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ โดยเฉพาะภาษีบุคคลธรรมดา เพื่อเป็นไปตามนโยบายที่หาเสียงไว้  โดยเน้นย้ำว่าจะต้องไม่กระทบต่อรายได้และฐานะการคลังของภาครัฐ   โดยนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้แต่หน่วยงานทำการบ้าน เตรียมข้อมูลเพื่อรองรับการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสภาผู้แทนราษฎรในช่วงปลายสัปดาห์นี้  โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเริ่มดำเนินการ หลังรัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จสิ้นให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น   เช่น มาตรการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% มาตรการลดความเหลื่อมล้ำด้านต่างๆ  มาตรการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  เป็นต้น    รวมไปถึง การศึกษานโยบายการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้ ที่จะต้องได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด  โดยจะต้องประกอบการพิจารณากับการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีอื่นๆ  เพื่อไม่ให้กระทบต่อรายได้และฐานะการคลังของรัฐบาล

        ทั้งนี้ กรมสรรพากรได้ศึกษาแนวนโยบายการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่พรรคพลังประชารัฐได้หาเสียงไว้ โดยศึกษาทั้งโจทก์ที่จะปรับลดอัตราภาษีเงินได้ 10%จาก 35%เหลือ 25%และ ปรับลด 10%ใน 35% ซึ่งทั้งสองแนวทางนั้น ต้องยอมรับว่า ได้ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จำนวนมาก

 ธอส.พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ

        นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.จะนำเงินฝากสลาก ธอส.ที่จะออกงวดแรกวงเงิน 2.7 หมื่นล้านบาท ไปปล่อยกู้ตามนโยบายรัฐบาลในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดย ธอส.ประเมินต้นทุนการออกสลากดังกล่าว โดยรวมที่ประมาณ 2.3% แบ่งเป็น อัตราดอกเบี้ยที่ 1.4% ที่เหลือเป็นต้นทุนการดำเนินงาน ดังนั้น หากนโยบายรัฐบาลต้องการให้ธอส.ปล่อยสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ ก็จะสามารถคิดอัตราดอกเบี้ยได้ที่ราว 2.5% โดย ธอส.จะมีผลกำไรที่ราว 0.2%หรือ หากรัฐบาลต้องการให้ปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่านั้น ธอส.ก็จะคิดในอัตราที่ไม่มีผลกำไรเลย

กระทรวงอุตสาหกรรม ดันนโยบายให้เห็นผลใน 100 วัน         นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมผลักดันนโยบายเร่งด่วนที่จะเร่งให้เห็นผลใน 100 วัน  ได้แก่ 1.ดึงดูดการลงทุน โดยเน้นบริษัทที่อยู่ในจีนและได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ซึ่งจะไปโรดโชว์ที่จีนและญี่ปุ่น   2.หารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ปรับสิทธิประโยชน์การลงทุนให้ตรงกับความต้องการที่แตกต่างในแต่ละอุตสาหกรรม   3.ผลักดันให้โครงการเมกะโปรเจคให้ใช้วัสดุสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะโครงการระบบรางที่มีมูลค่าการลงทุนสูง 4.การหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำมาสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน

ททท.หนุนท่องเที่ยวในประเทศ เร่งสรุปมาตรการระยะสั้น

        การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เร่งหาทางสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ ทั้งเมืองหลัก เมืองรอง และชุมชน โดยเน้นการสร้างรายได้ การกระจายรายได้ และการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการขยายตลาดกลุ่มคุณภาพกลุ่มต่างๆ โดยคำนึงถึงความปลอดภัย และสร้างความยั่งยืน  ซึ่งในสัปดาห์หน้า ททท.เตรียมสรุปมาตรการระยะสั้น เพื่อกระตุ้นรายได้ท่องเที่ยวปีนี้ให้ได้ตามเป้าหมาย 3.38 ล้านล้านบาท เติบโต 9.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว   เสนอต่อนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อส่งเสริมตลาดในประเทศ   และรักษาเป้าตลาดประเทศ หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น

      ส่วนกระทรวงเศรษฐกิจอื่นๆ  ก็ยังคงทำการบ้านอย่างหนักเช่นกัน เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร  ที่จะมีขึ้นในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้  และแน่นอนว่าหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาคอสังหาริมทรัพย์  ตลาดเงิน ตลาดทุน หรือแม้แต่ภาคธุรกิจต่างๆ ก็เตรียมจับตาดูนโยบายที่จะออกมา เพื่อเตรียมนำไปกำหนดแผนการดำเนินงานของตนเองเช่นกัน 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0